เรื่อง รายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟู
และเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552
คณะรัฐมนตรีอนุมัติรายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตที่เห็นควรให้กระทรวงการคลังจัดทำฐานข้อมูลรายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินดังกล่าวในภาพรวมทั้งหมดที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติอนุมัติไว้แล้ว ตลอดจนข้อมูลเกี่ยวกับผลตอบแทนซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อภาครัฐ เช่น อัตราดอกเบี้ย การยกเว้นค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่างๆ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ไปดำเนินการด้วย
สาระสำคัญของเรื่อง
กระทรวงการคลังรายงานว่า ภายใต้แผนการบริหารและจัดการเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ซึ่งคณะรัฐมนตรีอนุมัติ ในวงเงิน 150,000 ล้านบาท จำแนกเป็นเงินกู้เพื่อสมทบเป็นเงินคงคลังในปีงบประมาณ 2552 จำนวน 120,000 ล้านบาท และเป็นเงินกู้เพื่อดำเนินการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 30,000 ล้านบาท ซึ่งวงเงินดังกล่าวนี้ กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงิน โดยการออกพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง จำนวน 50,000 ล้านบาท เพื่อสมทบเงินคงคลัง สำหรับในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 แล้ว
สำหรับแนวทางการกู้เงินเพื่อดำเนินการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 วงเงิน 30,000 ล้านบาท นั้น กระทรวงการคลังได้พิจารณาประมาณการความต้องการใช้เงินกู้ จากข้อมูลแผนการดำเนินงานและแผนการเบิกจ่ายเงินที่หน่วยงานเจ้าของโครงการได้บันทึกข้อมูลในฐานข้อมูลของสำนักงบประมาณ (ระบบ e-Budgeting) ณ วันที่ 28 กรกฎาคม 2552 โดยมีวงเงินเบื้องต้นที่คาดว่า จะเบิกจ่ายประมาณ 27,025 ล้านบาท พร้อมทั้งกำหนดวิธีการกู้เงินโดยเห็นว่า ต้องให้ความสำคัญกับแหล่งเงินกู้ที่มีเงื่อนไขที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการทยอยเบิกจ่ายเงินลงทุนตามความก้าวหน้าของงานในแต่ละช่วงเวลาเป็นหลัก ทั้งนี้ เพื่อให้การบริหารจัดการหนี้มีต้นทุนที่เหมาะสมและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสภาวะตลาดการเงินและความคืบหน้าของโครงการ ดังนั้น การกู้เงินในส่วนนี้ จึงเห็นควรดำเนินการโดยการทำสัญญาเงินกู้ (Term loan) หรือการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) วงเงิน 30,000 ล้านบาท ซึ่งรายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินมีดังนี้
ผู้กู้ กระทรวงการคลังในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย วัตถุประสงค์ เพื่อนำมาใช้สำหรับแผนงานหรือโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ระยะเวลาเงินกู้ ไม่เกิน 10 ปี แหล่งเงินกู้ ธนาคารพาณิชย์ที่ประกอบกิจการในประเทศไทยและสถาบันการเงินภาครัฐ อัตราดอกเบี้ย อัตราต่ำสุดของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือนประเภทบุคคลธรรมดาของ 4 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่
(FDR) เฉลี่ย (ธนาคารกรุงไทยฯ ธนาคารกรุงเทพฯ ธนาคารไทยพาณิชย์ฯ และธนาคารกสิกรไทยฯ) เป็นฐาน
ในการคำนวณอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และ/หรือ บวกส่วนเพิ่มหรือลบส่วนลดตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร
โดยปรับอัตราดอกเบี้ย FDR ทุกงวด 6 เดือน หากมีการเปลี่ยนแปลง และการคิดดอกเบี้ยจะเริ่มนับตั้งแต่วันที่มี
การเบิกจ่ายเงินกู้ ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย เป็นไปตามข้อเสนอของแหล่งเงินกู้ ซึ่งจะได้มีการเจรจาต่อรองต่อไปตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร ระยะเวลาการชำระต้นเงินคืน กำหนดชำระคืนต้นเงินกู้เมื่อครบกำหนด โดยชำระจาก
(1) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ หรือ
(2) ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยรายละเอียดและเงื่อนไขต่างๆ
ให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร การชำระคืนต้นเงินก่อนกำหนด สามารถชำระคืนเงินต้นก่อนกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วน
สำหรับกำหนดระยะเวลาการกู้เงินในครั้งนี้ จะดำเนินการในช่วงเดือนสิงหาคม - กันยายน 2552 ทั้งนี้ เพื่อรองรับการเบิกจ่ายเงินลงทุนของโครงการที่มีความพร้อมตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 โดยกระทรวงการคลังจะพิจารณากำหนดแผนการเบิกจ่ายเงินกู้ จำนวนเงิน และระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกู้ ภายใต้เงื่อนไขที่เสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติในครั้งนี้ ให้สอดคล้องกับภาวะตลาดการเงินและแผนความต้องการใช้เงินในแต่ละโครงการต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 18 สิงหาคม 2552 --จบ--