คณะรัฐมนตรีเห็นชอบงบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปี 2553 ขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย วงเงินงบประมาณ จำนวน 3,739,600 ดอลลาร์สหรัฐ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยให้จัดสรรจากปิโตรเลียมส่วนที่เป็นกำไรในไตรมาสสุดท้ายของปี 2552 จำนวน 3,475,674 ดอลลาร์สหรัฐ และงบประมาณเหลือจ่ายของปี 2551 จำนวน 263,926 ดอลลาร์สหรัฐ ตามที่องค์กรร่วมเสนอ
สาระสำคัญของเรื่อง
กระทรวงพลังงานรายงานว่า
1. ความตกลงว่าด้วยธรรมนูญและเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการจัดตั้งองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย ฉบับลงนามเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2533 และพระราชบัญญัติองค์กรร่วมไทย — มาเลเซีย พ.ศ. 2533 รัฐบาลไทยและรัฐบาลมาเลเซียได้ร่วมกันจัดตั้งองค์กรร่วมไทย-มาเลเซียขึ้น เพื่อสรวมสิทธิและรับผิดชอบแทนรัฐบาลทั้งสองในการสำรวจและแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติที่ไม่มีชีวิตในพื้นดินใต้ทะเลและใต้ดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปิโตรเลียมในพื้นที่พัฒนาร่วมฯ โดยมีหลักการที่สำคัญ คือ ค่าใช้จ่ายทั้งปวงที่เกิดขึ้นและผลประโยชน์ที่องค์กรร่วมได้รับจากกิจกรรมที่ดำเนินไปในพื้นที่พัฒนาร่วมฯ รัฐบาลทั้งสองประเทศจะร่วมรับผิดชอบและแบ่งปันโดยเท่าเทียมกัน ซึ่งรัฐบาลไทยและรัฐบาลมาเลเซียได้แต่งตั้งคณะกรรมการองค์กรร่วมไทย — มาเลเซีย ประกอบด้วย ประธานร่วม จำนวน 2 คน และสมาชิกฝ่ายละ 6 คน เพื่อเป็นตัวแทนของรัฐบาลทั้งสองในการควบคุมและกำกับดูแลการดำเนินงานขององค์กรร่วม
2. คณะกรรมการองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย ในการประชุมองค์กรร่วมไทย — มาเลเซีย ครั้งที่ 86 เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2552 ได้พิจารณาและเห็นชอบการเสนอของบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปี 2553 ขององค์กรร่วมโดยเสนอของบประมาณ จำนวน 3,739,600 ดอลลาร์สหรัฐ ประกอบด้วยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (Operating Expenditure) จำนวน 3,727,600 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าใช้จ่ายที่เป็นทุน (Capital Expenditure) จำนวน 12,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยขอใช้เงินจากปิโตรเลียมส่วนที่เป็นกำไรในไตรมาสสุดท้ายของปี 2552 จำนวน 3,475,674 ดอลลาร์สหรัฐ และงบประมาณเหลือจ่ายของปี 2551 จำนวน 263,926 ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ในปี 2553 องค์กรร่วมจะมีรายได้จากค่าภาคหลวง จำนวน 207,620,000 ดอลลาร์สหรัฐ และปิโตรเลียมส่วนที่เป็นกำไร จำนวน 383,800,000 ดอลลาร์สหรัฐ
3. กระทรวงพลังงานพิจารณาแล้วเห็นว่า รายงานงบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปี 2553 ขององค์กรร่วมมีรายละเอียดประกอบครบถ้วนตามระเบียบการเสนอของบประมาณโดยแสดงรายการแผนการใช้จ่ายเงินและแผนงานที่เหมาะสมจึงเห็นควรให้ความเห็นชอบได้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 18 สิงหาคม 2552 --จบ--