การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือหุ้นส่วนระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐอาร์เจนตินา

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 19, 2009 15:22 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้ง 2 ข้อ ดังนี้

1. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจความร่วมมือหุ้นส่วน (Memorandum of Understanding on Partnership Programme for Joint Cooperation) ระหว่างไทยกับอาร์เจนตินา เพื่อลงนามต่อไป

2. อนุมัติให้ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ (สพร.) หรือเอกอัครราชทูต ณ กรุงบัวโนสโอเรส เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจดังกล่าวในนามรัฐบาลไทย

สาระสำคัญของเรื่อง

กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า

1. กระทรวงการต่างประเทศ โดย สพร. ได้ดำเนินงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนากับสาธารณรัฐอาร์เจนตินามาตั้งแต่ปี 2548 ภายใต้กรอบความร่วมมือ FEALAC (Forum of East Asia-Latin America Cooperation) และ OAS (Organization of American States) โดยการแจ้งเวียนทุนภายใต้กรอบการฝึกอบรมระยะสั้นประจำปี การให้ทุนการศึกษาระดับปริญญาโทและการฝึกอบรม/ดูงานภายใต้กรอบความร่วมมือทวิภาคี และการเชิญเข้าร่วมหลักสูตรการศึกษา/ดูงานในโครงการบัวแก้วสัมพันธ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ รวมทั้งส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน เนื่องด้วยเป็นประเทศที่มีพื้นฐานและโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่พัฒนามาจากภาคเกษตรกรรมเหมือนกัน ปัจจุบันทั้งสองฝ่ายได้พิจารณาเห็นพ้องว่า ควรมีการดำเนินกิจกรรมในรูปแบบต่าง ๆ เพิ่มขึ้น เพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นทั้งในแบบทวิภาคีและความร่วมมือแบบหุ้นส่วนเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ เพื่อใช้ทรัพยากรของทั้งสองประเทศที่มีอยู่จำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุดในลักษณะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายร่วมกัน

2. กระทรวงการต่างประเทศได้มอบให้ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศนำคณะผู้แทนไทยเดินทางไปหารือความร่วมมือเพื่อการพัฒนากับกรมความร่วมมือทวิภาคี กระทรวงการต่างประเทศ การค้าระหว่างประเทศและศาสนาของประเทศอาร์เจนตินา เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2551 ซึ่งในการหารือดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้มีการดำเนินงานความร่วมมือระหว่างกันทั้งในแบบทวิภาคี และความร่วมมือแบบหุ้นส่วนเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ในการนี้ รัฐบาลอาร์เจนตินา ได้ส่งร่างบันทึกความเข้าใจความร่วมมือหุ้นส่วนระหว่างไทยกับอาร์เจนตินาให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณา

3. ร่างบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายความร่วมมือระหว่างไทยและอาร์เจนตินาไปยังประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ เพื่อให้การใช้ทรัพยากรบุคคล เทคโนโลยี และงบประมาณของประเทศทั้งสองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ กิจกรรมความร่วมมือ ประกอบด้วย การจัดสัมมนาในประเทศที่สามโดยใช้ผู้เชี่ยวชาญของไทยและอาร์เจนตินา การส่งผู้เชี่ยวชาญของประเทศหนึ่งไปดำเนินโครงการของอีกประเทศหนึ่งในประเทศที่สามและความร่วมมือในรูปแบบอื่นๆ ตามที่จะเห็นชอบร่วมกัน โดยมีคณะกรรมการจัดทำแผน ซึ่งเป็นผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศทั้งสองเป็นผู้จัดทำแผนงานประจำปี และมี สพร. และกรมความร่วมมือระหว่างประเทศของอาร์เจนตินาเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการดำเนินงาน

4. กระทรวงการต่างประเทศเห็นว่า การจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าว นอกจากจะเป็นการขยายความร่วมมือระหว่างไทยและอาร์เจนตินาไปยังประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ในลักษณะ Cost-sharing ซึ่งเป็นการประหยัดทรัพยากรของไทยมากกว่าการให้ความร่วมมือในลักษณะทวิภาคีแล้ว ยังเป็นโอกาสในการขยายขอบเขตความร่วมมือของไทยไปยังประเทศที่ไทยไม่เคยมีความร่วมมือในภูมิภาคลาตินอเมริกา เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่จะนำไปสู่ความร่วมมือด้านอื่นๆ รวมทั้งยังจะได้รับประโยชน์จากการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญกับอาร์เจนตินาในสาขาที่ไทยขาดความชำนาญ เช่น สาขาเทคโนโลยีการเกษตร สาธารณสุขและพลังงานทดแทน (NGV และนิวเคลียร์)

5. สำหรับการพิจารณาสาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าว กระทรวงการต่างประเทศเห็นว่า โดยที่บันทึกฉบับนี้อยู่ภายใต้ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และวิชาการระหว่างไทยกับอาร์เจนตินา ลงนามเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2524 และมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ โดยการจัดการฝึกอบรม และการส่งผู้เชี่ยวชาญไปปฏิบัติงาน จึงไม่น่าจะเป็นหนังสือสัญญาที่มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยหรือเขตพื้นที่นอกอาณาเขตซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยหรือมีเขตอำนาจฯ หรือมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ หรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน หรืองบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสำคัญที่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา ซึ่งหากส่วนราชการเจ้าของเรื่องสามารถปฏิบัติได้ตามกฎหมายและข้อบังคับ ก็ไม่น่าจะเป็นหนังสือสัญญาที่ต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญาที่จะต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาก่อนดำเนินการให้มีผลผูกพัน ตามมาตรา 190 วรรคสอง

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 18 สิงหาคม 2552 --จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ