คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในต่างประเทศและสถานศึกษาในประเทศที่ประจำการที่บุตรเข้ารับการศึกษามีมาตรฐานต่ำกว่าสถานศึกษาในประเทศไทย และ/หรือเป็นสถานศึกษาในประเทศหรือเมืองที่มีภาวะความเป็นอยู่ไม่ปกติ ให้มีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร สำหรับบุตรที่ศึกษาในสถานศึกษานอกประเทศที่ข้าราชการผู้นั้นมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ได้ตามหลักเกณฑ์ ประเภท หลักสูตร และอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
กระทรวงการคลังรายงานว่า มาตรา 8 ทวิ แห่งพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของ บุตร พ.ศ. 2523 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2534 ได้กำหนดให้ข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในต่างประเทศและมีบุตรศึกษาในประเทศที่ข้าราชการผู้นั้นมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ ให้มีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรได้ตามหลักเกณฑ์ ประเภท หลักสูตร และอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด แต่สภาพข้อเท็จจริงปรากฏว่าบางประเทศที่ข้าราชการไปประจำการสถานศึกษาในประเทศนั้นมีมาตรฐานต่ำกว่าสถานศึกษาในประเทศไทยหรือมีภาวะความเป็นอยู่ไม่ปกติ (Hardship) จึงต้องส่งบุตรไปศึกษา ณ ประเทศอื่นโดยต้องเสียค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด และไม่มีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรจากทางราชการ สมควรกำหนดให้ข้าราชการดังกล่าวมีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรได้ตามหลักเกณฑ์ ประเภท หลักสูตร และอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด เพื่อสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของประเทศให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของข้าราชการ และจูงใจให้ข้าราชการประจำในต่างประเทศเต็มใจที่จะไปปฏิบัติงานประจำในประเทศด้อยพัฒนาหรือกำลังพัฒนามากยิ่งขึ้น จึงได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 1 สิงหาคม 2549--จบ--
ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในต่างประเทศและสถานศึกษาในประเทศที่ประจำการที่บุตรเข้ารับการศึกษามีมาตรฐานต่ำกว่าสถานศึกษาในประเทศไทย และ/หรือเป็นสถานศึกษาในประเทศหรือเมืองที่มีภาวะความเป็นอยู่ไม่ปกติ ให้มีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร สำหรับบุตรที่ศึกษาในสถานศึกษานอกประเทศที่ข้าราชการผู้นั้นมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ได้ตามหลักเกณฑ์ ประเภท หลักสูตร และอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
กระทรวงการคลังรายงานว่า มาตรา 8 ทวิ แห่งพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของ บุตร พ.ศ. 2523 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2534 ได้กำหนดให้ข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในต่างประเทศและมีบุตรศึกษาในประเทศที่ข้าราชการผู้นั้นมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ ให้มีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรได้ตามหลักเกณฑ์ ประเภท หลักสูตร และอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด แต่สภาพข้อเท็จจริงปรากฏว่าบางประเทศที่ข้าราชการไปประจำการสถานศึกษาในประเทศนั้นมีมาตรฐานต่ำกว่าสถานศึกษาในประเทศไทยหรือมีภาวะความเป็นอยู่ไม่ปกติ (Hardship) จึงต้องส่งบุตรไปศึกษา ณ ประเทศอื่นโดยต้องเสียค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด และไม่มีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรจากทางราชการ สมควรกำหนดให้ข้าราชการดังกล่าวมีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรได้ตามหลักเกณฑ์ ประเภท หลักสูตร และอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด เพื่อสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของประเทศให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของข้าราชการ และจูงใจให้ข้าราชการประจำในต่างประเทศเต็มใจที่จะไปปฏิบัติงานประจำในประเทศด้อยพัฒนาหรือกำลังพัฒนามากยิ่งขึ้น จึงได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 1 สิงหาคม 2549--จบ--