คณะรัฐมนตรีรับทราบความคืบหน้าและแนวทางการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ที่ประสบธรณีพิบัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ในเรื่องการให้ความช่วยเหลือด้านการเงิน ได้แก่ การให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อ การร่วมลงทุนภาษีและค่าธรรมเนียม ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2548 สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. การให้สินเชื่อ (ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2548)
1.1 การให้สินเชื่อโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจ และบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ได้อนุมัติให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อแก่ลูกค้าแล้วจำนวน 9,843 ราย หรือร้อยละ 94.75 ของจำนวนผู้ยื่นคำขอทั้งหมด รวมเป็นเงินที่อนุมัติแล้ว 5,818.34 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 91.99 ของ วงเงินที่ยื่นคำขอ และมีการเบิกจ่ายเป็นเม็ดเงินสู่ผู้ประกอบการและประชาชน จำนวน 5,591 ราย หรือ ร้อยละ 56.80 ของจำนวนรายที่อนุมัติทั้งหมด คิดเป็นเงินที่เบิกจ่ายแล้ว 5,295.70 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 91.02 ของวงเงินที่อนุมัติ
ทั้งนี้ การเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้เดิมคิดเป็นร้อยละ 99.80 ของวงเงินที่อนุมัติในขณะที่การเบิกจ่ายเงินกู้ฟื้นฟูกิจการคิดเป็นร้อยละ 52.51 ของวงเงินอนุมัติ ซึ่งการดำเนินงานโดยรวมแล้ว อยู่ในระดับเดียวกับเมื่อสิ้นเดือนมิถุนายน 2548
1.2 การให้สินเชื่อโดยธนาคารพาณิชย์ ได้อนุมัติให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อไปแล้วจำนวน 2,236 ราย หรือ ร้อยละ 87.69 ของจำนวนผู้ยื่นคำขอทั้งหมด คิดเป็นเงินที่อนุมัติแล้ว 46,526.32 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 84.26 ของวงเงินที่ยื่นคำขอ และมีการเบิกจ่าย จำนวน 1,886 ราย หรือ ร้อยละ 84.35 ของจำนวนรายที่อนุมัติทั้งหมด คิดเป็นเงินที่เบิกจ่ายแล้ว 35,101.66 ล้านบาท ร้อยละ 75.44 ของวงเงินที่อนุมัติ ซึ่งยอดวงเงินการอนุมัติและเบิกจ่าย เพิ่มขึ้นจากสิ้นเดือนมิถุนายน 2548 ประมาณร้อยละ 21.99 และ 25.32 ตามลำดับ
ทั้งนี้ การเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้เดิม คิดเป็นร้อยละ 85.66 ของวงเงินอนุมัติ และการเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อฟื้นฟูกิจการ คิดเป็นร้อยละ 28.55 ของวงเงินที่อนุมัติ
1.3 ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้อนุมัติวงเงินสินเชื่อเงื่อนไขผ่อนปรนให้กับสถาบันการเงินเพื่อนำไปปล่อยกู้กับลูกค้าแล้ว 2,363 ราย คิดเป็นวงเงิน 48,140.74 ล้านบาท โดยลดจากเดือนมิถุนายน 2548 เล็กน้อยเนื่องจากสถาบันการเงินที่ได้รับอนุมัติวงเงินแล้ว ได้ทบทวนความต้องการของลูกค้าที่ได้ยื่นขอไว้ได้ถูกต้องมากขึ้น จึงทำให้วงเงินที่ต้องการจริงเริ่มลดลง และทำให้มีวงเงินเหลือเพื่อจัดสรรให้กับลูกค้ารายอื่น ๆ ที่มีความจำเป็นต้องใช้สินเชื่อ ผ่อนปรน แต่ไม่สามารถขอได้ทันตามกำหนดในรอบแรก
1.4 ภาพรวมการให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อทั้งหมดพบว่า มีการเบิกจ่ายเป็นเม็ดเงินสู่ผู้ประกอบการและประชาชน จำนวน 7,477 ราย หรือ ร้อยละ 61.90 ของจำนวนรายที่อนุมัติทั้งหมด คิดเป็นเงินที่เบิกจ่ายแล้ว 40,397.36 ล้านบาท หรือร้อยละ 77.18 ของวงเงินที่อนุมัติ ซึ่งคิดเป็นจำนวนรายเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.44 และเม็ดเงินเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.06
สำหรับเม็ดเงินการเบิกจ่ายเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เดิมคิดเป็นร้อยละ 86.13 ของวงเงินที่อนุมัติ ส่วนวงเงินการเบิกจ่ายเงินกู้ใหม่เพื่อฟื้นฟูกิจการคิดเป็นร้อยละ 31.34 ของวงเงินที่อนุมัติ
ทั้งนี้สาเหตุหลักที่สถาบันการเงินไม่อนุมัติสินเชื่อลูกค้าไม่ได้รับผลกระทบจริงทั้งทางตรงและทางอ้อม (ร้อยละ 56.14 ของวงเงินที่ไม่อนุมัติทั้งหมด) และสำหรับลูกค้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการส่วนใหญ่ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาภายในของธนาคารเอง (ร้อยละ 91.71 ของวงเงินที่อยู่ระหว่างดำเนินการทั้งหมด)
2. การร่วมลงทุนโดยกองทุนร่วมลงทุน
2.1 กองทุนร่วมทุนเพื่อผู้ประสบภัยสึนามิ (Tsunami SMEs Fund) (ณ วันที่ 11 สิงหาคม 2548) มีการอนุมัติร่วมลงทุนแล้ว 24 ราย หรือร้อยละ 17.65 ของจำนวนผู้ยื่นคำขอทั้งหมด คิดเป็นวงเงิน 440.70 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.15 ของวงเงินที่ยื่นคำขอ โดยส่วนที่ยังไม่ได้อนุมัติ ขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูลตามหลักการก่อนดำเนินการต่อไป ทั้งนี้มีการเบิกเม็ดเงินให้ผู้ประกอบการแล้ว 5 ราย หรือ ร้อยละ 20.83 ของจำนวนรายที่อนุมัติทั้งหมด คิดเป็นเงินที่เบิกแล้ว 215 ล้านบาท หรือร้อยละ 48.79 ของวงเงินที่อนุมัติ
2.2 กองทุนเปิดเพื่อฟื้นฟูและพัฒนากิจการที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิ (Tsunami Recovery Fund) (ณ วันที่ 8 สิงหาคม 2548) มีการอนุมัติกรอบเงินให้ความช่วยเหลือประมาณ 2,290 ล้านบาท จำนวน 17 ราย ซึ่งสูงกว่าวงเงินระดมทุนในรอบแรกที่มีจำนวน 1,400 ล้านบาท ทั้งนี้ จากกรอบลงทุนที่อนุมัติไว้ มีการเบิกเงินแล้ว 9 ราย จำนวน 575 ล้านบาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากสิ้นเดือนมิถุนายน 2548 โดยมีวงเงินอีกจำนวน 590 ล้านบาทที่จะมีการเบิกจ่ายตามความคืบหน้าของการก่อสร้างของลูกค้าต่อไป ส่วนที่เหลือจำนวน 8 ราย คิดเป็นวงเงิน 1,125 ล้านบาท ส่วนหนึ่งอยู่ระหว่างการหารือเรื่องออกหุ้นกู้และหลักประกัน และอีกส่วนหนึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบของผู้สอบบัญชี
3. มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียม
คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2547 มีมติเห็นชอบให้ดำเนินมาตรการภาษีและค่าธรรมเนียม ซึ่งสรุปสถานะล่าสุด ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2548 ดังนี้
3.1 มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมที่มีผลบังคับใช้แล้ว ได้แก่ 1) การหักผลเสียหายในทรัพย์สินเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ 2) การขยายกำหนดเวลายื่นแบบแสดงภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ 3) การเสียภาษีของผู้เสียภาษีและผู้ประกอบการที่มีสถานประกอบการตั้งอยู่ใน 6 จังหวัด 4) การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้ผู้ประสบภัย 6 จังหวัดภาคใต้ สำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปี พ.ศ. 2547 5) การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินบริจาคให้แก่ส่วนราชการ 6) การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินบริจาคให้แก่ ส่วนราชการโดยผ่านเอกชน และ 7) การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมการโอนอสังหาริมทรัพย์
3.2 มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วต่อไป ได้แก่
3.2.1 การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากค่าสินไหมทดแทนที่ได้รับจากกิจการประกันภัยในส่วนที่เกินมูลค่าทรัพย์สิน ซึ่งคณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาตามที่กระทรวงการคลังเสนอเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2548 ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอลงราชกิจจานุเบกษา
3.2.2 การยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะและอากรแสตมป์ และการลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม การโอนการและการจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ สำหรับกรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ กรณีลูกหนี้ที่ได้รับความเสียหายจากธรณีพิบัติภัย ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างดำเนินการนำเสนอคณะรัฐมนตรี
4. การจัดทำแผนพัฒนาภูมิภาคอันดามัน (The Sub-regional Development Plan for Tsunami Affected Andaman Region) ภายใต้ความช่วยเหลือทางวิชาการจากธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank — ADB) ซึ่งเป็นแผนระยะยาว ที่มีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามันที่ได้รับผลกระทบจากธรณีพิบัติอย่างยั่งยืนและบูรณาการ สรุปความคืบหน้าที่สำคัญ ดังนี้
4.1 โครงการระยะที่ 1 ที่ปรึกษาได้จัดทำโครงร่างของแผนพัฒนาภูมิภาคอันดามันเสร็จเรียบร้อยเมื่อเดือนเมษายน 2548 และได้ปรับปรุงข้อมูลให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นในเดือนมิถุนายน 2548 ซึ่งรายงานดังกล่าวจะใช้เป็นกรอบในการดำเนินโครงการในระยะที่ 2
4.2 โครงการระยะที่ 2 ADB ได้คัดเลือกบริษัทที่ปรึกษาเพื่อดำเนินโครงการระยะที่ 2 เรียบร้อยแล้ว โดยจะเริ่มดำเนินงานอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2548 จนถึง 30 มิถุนายน 2549 (10 เดือน) ทั้งนี้ บริษัท ดังกล่าวประกอบด้วยคณะผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ 13 สาขา ทั้งชาวไทยและต่างประเทศรวม 23 คน
อนึ่ง การจัดทำแผนฉบับสมบูรณ์ที่สามารถนำไปใช้ได้จริง จะใช้เวลาถึง 10 เดือน ดังนั้นกระทรวงการคลังและบริษัทที่ปรึกษาจะได้จัดทำรายงานหรือแนวคิดทั้งในเชิงนโยบายและกฎระเบียบ ที่สามารถเสนอให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาใช้เป็นระยะ ๆ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 6 กันยายน 2548--จบ--
1. การให้สินเชื่อ (ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2548)
1.1 การให้สินเชื่อโดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจ และบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ได้อนุมัติให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อแก่ลูกค้าแล้วจำนวน 9,843 ราย หรือร้อยละ 94.75 ของจำนวนผู้ยื่นคำขอทั้งหมด รวมเป็นเงินที่อนุมัติแล้ว 5,818.34 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 91.99 ของ วงเงินที่ยื่นคำขอ และมีการเบิกจ่ายเป็นเม็ดเงินสู่ผู้ประกอบการและประชาชน จำนวน 5,591 ราย หรือ ร้อยละ 56.80 ของจำนวนรายที่อนุมัติทั้งหมด คิดเป็นเงินที่เบิกจ่ายแล้ว 5,295.70 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 91.02 ของวงเงินที่อนุมัติ
ทั้งนี้ การเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้เดิมคิดเป็นร้อยละ 99.80 ของวงเงินที่อนุมัติในขณะที่การเบิกจ่ายเงินกู้ฟื้นฟูกิจการคิดเป็นร้อยละ 52.51 ของวงเงินอนุมัติ ซึ่งการดำเนินงานโดยรวมแล้ว อยู่ในระดับเดียวกับเมื่อสิ้นเดือนมิถุนายน 2548
1.2 การให้สินเชื่อโดยธนาคารพาณิชย์ ได้อนุมัติให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อไปแล้วจำนวน 2,236 ราย หรือ ร้อยละ 87.69 ของจำนวนผู้ยื่นคำขอทั้งหมด คิดเป็นเงินที่อนุมัติแล้ว 46,526.32 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 84.26 ของวงเงินที่ยื่นคำขอ และมีการเบิกจ่าย จำนวน 1,886 ราย หรือ ร้อยละ 84.35 ของจำนวนรายที่อนุมัติทั้งหมด คิดเป็นเงินที่เบิกจ่ายแล้ว 35,101.66 ล้านบาท ร้อยละ 75.44 ของวงเงินที่อนุมัติ ซึ่งยอดวงเงินการอนุมัติและเบิกจ่าย เพิ่มขึ้นจากสิ้นเดือนมิถุนายน 2548 ประมาณร้อยละ 21.99 และ 25.32 ตามลำดับ
ทั้งนี้ การเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้เดิม คิดเป็นร้อยละ 85.66 ของวงเงินอนุมัติ และการเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อฟื้นฟูกิจการ คิดเป็นร้อยละ 28.55 ของวงเงินที่อนุมัติ
1.3 ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้อนุมัติวงเงินสินเชื่อเงื่อนไขผ่อนปรนให้กับสถาบันการเงินเพื่อนำไปปล่อยกู้กับลูกค้าแล้ว 2,363 ราย คิดเป็นวงเงิน 48,140.74 ล้านบาท โดยลดจากเดือนมิถุนายน 2548 เล็กน้อยเนื่องจากสถาบันการเงินที่ได้รับอนุมัติวงเงินแล้ว ได้ทบทวนความต้องการของลูกค้าที่ได้ยื่นขอไว้ได้ถูกต้องมากขึ้น จึงทำให้วงเงินที่ต้องการจริงเริ่มลดลง และทำให้มีวงเงินเหลือเพื่อจัดสรรให้กับลูกค้ารายอื่น ๆ ที่มีความจำเป็นต้องใช้สินเชื่อ ผ่อนปรน แต่ไม่สามารถขอได้ทันตามกำหนดในรอบแรก
1.4 ภาพรวมการให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อทั้งหมดพบว่า มีการเบิกจ่ายเป็นเม็ดเงินสู่ผู้ประกอบการและประชาชน จำนวน 7,477 ราย หรือ ร้อยละ 61.90 ของจำนวนรายที่อนุมัติทั้งหมด คิดเป็นเงินที่เบิกจ่ายแล้ว 40,397.36 ล้านบาท หรือร้อยละ 77.18 ของวงเงินที่อนุมัติ ซึ่งคิดเป็นจำนวนรายเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.44 และเม็ดเงินเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.06
สำหรับเม็ดเงินการเบิกจ่ายเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เดิมคิดเป็นร้อยละ 86.13 ของวงเงินที่อนุมัติ ส่วนวงเงินการเบิกจ่ายเงินกู้ใหม่เพื่อฟื้นฟูกิจการคิดเป็นร้อยละ 31.34 ของวงเงินที่อนุมัติ
ทั้งนี้สาเหตุหลักที่สถาบันการเงินไม่อนุมัติสินเชื่อลูกค้าไม่ได้รับผลกระทบจริงทั้งทางตรงและทางอ้อม (ร้อยละ 56.14 ของวงเงินที่ไม่อนุมัติทั้งหมด) และสำหรับลูกค้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการส่วนใหญ่ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาภายในของธนาคารเอง (ร้อยละ 91.71 ของวงเงินที่อยู่ระหว่างดำเนินการทั้งหมด)
2. การร่วมลงทุนโดยกองทุนร่วมลงทุน
2.1 กองทุนร่วมทุนเพื่อผู้ประสบภัยสึนามิ (Tsunami SMEs Fund) (ณ วันที่ 11 สิงหาคม 2548) มีการอนุมัติร่วมลงทุนแล้ว 24 ราย หรือร้อยละ 17.65 ของจำนวนผู้ยื่นคำขอทั้งหมด คิดเป็นวงเงิน 440.70 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.15 ของวงเงินที่ยื่นคำขอ โดยส่วนที่ยังไม่ได้อนุมัติ ขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูลตามหลักการก่อนดำเนินการต่อไป ทั้งนี้มีการเบิกเม็ดเงินให้ผู้ประกอบการแล้ว 5 ราย หรือ ร้อยละ 20.83 ของจำนวนรายที่อนุมัติทั้งหมด คิดเป็นเงินที่เบิกแล้ว 215 ล้านบาท หรือร้อยละ 48.79 ของวงเงินที่อนุมัติ
2.2 กองทุนเปิดเพื่อฟื้นฟูและพัฒนากิจการที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิ (Tsunami Recovery Fund) (ณ วันที่ 8 สิงหาคม 2548) มีการอนุมัติกรอบเงินให้ความช่วยเหลือประมาณ 2,290 ล้านบาท จำนวน 17 ราย ซึ่งสูงกว่าวงเงินระดมทุนในรอบแรกที่มีจำนวน 1,400 ล้านบาท ทั้งนี้ จากกรอบลงทุนที่อนุมัติไว้ มีการเบิกเงินแล้ว 9 ราย จำนวน 575 ล้านบาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากสิ้นเดือนมิถุนายน 2548 โดยมีวงเงินอีกจำนวน 590 ล้านบาทที่จะมีการเบิกจ่ายตามความคืบหน้าของการก่อสร้างของลูกค้าต่อไป ส่วนที่เหลือจำนวน 8 ราย คิดเป็นวงเงิน 1,125 ล้านบาท ส่วนหนึ่งอยู่ระหว่างการหารือเรื่องออกหุ้นกู้และหลักประกัน และอีกส่วนหนึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบของผู้สอบบัญชี
3. มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียม
คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2547 มีมติเห็นชอบให้ดำเนินมาตรการภาษีและค่าธรรมเนียม ซึ่งสรุปสถานะล่าสุด ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2548 ดังนี้
3.1 มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมที่มีผลบังคับใช้แล้ว ได้แก่ 1) การหักผลเสียหายในทรัพย์สินเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ 2) การขยายกำหนดเวลายื่นแบบแสดงภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ 3) การเสียภาษีของผู้เสียภาษีและผู้ประกอบการที่มีสถานประกอบการตั้งอยู่ใน 6 จังหวัด 4) การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้ผู้ประสบภัย 6 จังหวัดภาคใต้ สำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปี พ.ศ. 2547 5) การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินบริจาคให้แก่ส่วนราชการ 6) การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินบริจาคให้แก่ ส่วนราชการโดยผ่านเอกชน และ 7) การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมการโอนอสังหาริมทรัพย์
3.2 มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วต่อไป ได้แก่
3.2.1 การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากค่าสินไหมทดแทนที่ได้รับจากกิจการประกันภัยในส่วนที่เกินมูลค่าทรัพย์สิน ซึ่งคณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาตามที่กระทรวงการคลังเสนอเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2548 ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอลงราชกิจจานุเบกษา
3.2.2 การยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะและอากรแสตมป์ และการลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม การโอนการและการจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ สำหรับกรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ กรณีลูกหนี้ที่ได้รับความเสียหายจากธรณีพิบัติภัย ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างดำเนินการนำเสนอคณะรัฐมนตรี
4. การจัดทำแผนพัฒนาภูมิภาคอันดามัน (The Sub-regional Development Plan for Tsunami Affected Andaman Region) ภายใต้ความช่วยเหลือทางวิชาการจากธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank — ADB) ซึ่งเป็นแผนระยะยาว ที่มีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามันที่ได้รับผลกระทบจากธรณีพิบัติอย่างยั่งยืนและบูรณาการ สรุปความคืบหน้าที่สำคัญ ดังนี้
4.1 โครงการระยะที่ 1 ที่ปรึกษาได้จัดทำโครงร่างของแผนพัฒนาภูมิภาคอันดามันเสร็จเรียบร้อยเมื่อเดือนเมษายน 2548 และได้ปรับปรุงข้อมูลให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นในเดือนมิถุนายน 2548 ซึ่งรายงานดังกล่าวจะใช้เป็นกรอบในการดำเนินโครงการในระยะที่ 2
4.2 โครงการระยะที่ 2 ADB ได้คัดเลือกบริษัทที่ปรึกษาเพื่อดำเนินโครงการระยะที่ 2 เรียบร้อยแล้ว โดยจะเริ่มดำเนินงานอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2548 จนถึง 30 มิถุนายน 2549 (10 เดือน) ทั้งนี้ บริษัท ดังกล่าวประกอบด้วยคณะผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ 13 สาขา ทั้งชาวไทยและต่างประเทศรวม 23 คน
อนึ่ง การจัดทำแผนฉบับสมบูรณ์ที่สามารถนำไปใช้ได้จริง จะใช้เวลาถึง 10 เดือน ดังนั้นกระทรวงการคลังและบริษัทที่ปรึกษาจะได้จัดทำรายงานหรือแนวคิดทั้งในเชิงนโยบายและกฎระเบียบ ที่สามารถเสนอให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาใช้เป็นระยะ ๆ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 6 กันยายน 2548--จบ--