คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการและการจัดวางระบบการจัดซื้อและการชำระราคาค่าอาหาร เครื่องบริโภค และวัสดุเพื่อการหุงหาอาหารให้แก่นักโทษ ผู้ต้องขัง รวมทั้งเด็กและเยาวชนที่อยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์และกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน แล้วจัดส่งหรือส่งมอบให้ทั้งสอง กรมต่อไป โดยดำเนินการร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรสหกรณ์โคนม และ หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการในรูปแบบดังกล่าวตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ.2553 เป็นต้นไป
สาระสำคัญของเรื่อง
กระทรวงยุติธรรมพิจารณาเห็นว่า การที่จะสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการจัดซื้ออาหาร เครื่องบริโภค และวัสดุเพื่อการหุงหาอาหารให้แก่นักโทษและผู้ต้องขังที่อยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ รวมทั้งเด็กและเยาวชนที่อยู่ในการดูแลของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนได้นั้น จำเป็นที่จะต้องจัดซื้อวัตถุดิบในการหุงหาอาหารในลักษณะการซื้อตรงจากหน่วยงานของรัฐในราคาพิเศษเป็นสำคัญ จึงได้ติดต่อขอซื้อข้าวสารชนิด 5% จากคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) กระทรวงพาณิชย์ ในอัตราตันละ 10,000 บาท เป็นจำนวนประมาณ 45,000 ตันต่อปี ซึ่ง กขช. ได้มีมติอนุมัติแล้วเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2552 และหากต่อไป กขช.สามารถส่งมอบข้าวสาร ชนิด 10% และ 15% ให้แก่ เรือนจำ ทัณฑสถาน และสถานพินิจฯได้ทั่วประเทศแล้ว กระทรวงยุติธรรมก็จะจัดซื้อข้าวสารชนิด 10% และ 15% แทนข้าวสารชนิด 5% ในอัตราราคาที่ถูกลงเพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่าย และยังเป็นการช่วยรัฐบาลในการระบายสต๊อกข้าวอีกด้วย นอกจากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมยังได้ประชุมหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และคณะผู้บริหารของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และผู้แทนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2552 ได้ข้อยุติว่า สหกรณ์โคนมไทยเดนมาร์ก จะขายนมสดให้แก่กระทรวงยุติธรรมในราคากระป๋องละ 6.50 บาท และกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์กับ ธ.ก.ส. จะหาแนวทางให้กระทรวงยุติธรรมสามารถจัดซื้อผลไม้โดยตรงจากเกษตรกรแล้วจัดส่งไปยังเรือนจำ ทัณฑสถาน และสถานพินิจฯ ทั่วประเทศโดยตรง ซึ่งจะทำให้กระทรวงยุติธรรมสามารถประหยัดงบประมาณรายจ่ายในการนี้ได้เป็นอย่างมาก และยังจะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรในการระบายผลิตผลทางการเกษตรอีกทางหนึ่งด้วย และในอนาคตหากกระทรวงยุติธรรมสามารถจัดระบบการจัดซื้อร่วมกับกรมประมงและกรมปศุสัตว์ได้แล้ว ก็จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาการระบายสต๊อกสัตว์น้ำและเนื้อสัตว์ที่เป็นภาระของรัฐบาลในบางช่วงเวลาได้อีกด้วยเช่นกัน
กระทรวงยุติธรรมประเมินว่า หากกระทรวงยุติธรรมสามารถดำเนินการได้ดังกล่าวข้างต้นแล้ว จะทำให้สามารถประหยัดและลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการจัดซื้ออาหาร เครื่องบริโภค และวัสดุเพื่อการหุงหาอาหารให้แก่นักโทษ ผู้ต้องขัง รวมทั้งเด็กและเยาวชนที่อยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์และกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนได้ และจะสามารถควบคุมการขยายตัวของงบประมาณด้านนี้ได้อีกด้วย และกระทรวงยุติธรรมก็ไม่จำเป็นต้องขอใช้เงินงบกลางกรณี ฉุกเฉินเร่งด่วนในการจัดซื้ออาหาร เครื่องบริโภค และวัสดุเพื่อการหุงหาอาหารอีก และจะเป็นแนวทางใหม่ในการช่วยเหลือรัฐบาลในการระบายสินค้าเกษตรในสต๊อกของหน่วยงานต่างๆ อีกทั้งจะสามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้โดยตรงอีกทางหนึ่งด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 1 กันยายน 2552 --จบ--