คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานเรื่อง การผ่อนผันการถือหุ้นในธนาคารพาณิชย์ ดังนี้
1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยคำแนะนำของธนาคารแห่งประเทศไทยได้ผ่อนผันให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มี GE Capital International Holdings Corporation เป็นผู้ถือหุ้นเกินร้อยละ 5 แต่ไม่เกินร้อยละ 29.5 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด และหลังจากที่มีการใช้สิทธิ์แปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ์ทั้งหมดภายในเดือนกันยายน 2551 ให้มีสัดส่วนการ ถือหุ้นไม่เกินร้อยละ 25.4 โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 5 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. 2505 ที่แก้ไขแล้ว ทั้งนี้ การถือหุ้นของผู้ถือหุ้นต่างชาติรวมกันจะไม่เกิน ร้อยละ 49 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ผ่อนผันไว้แล้ว โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 5 เบญจ ตามหนังสือที่ กค 0303/14412 ลงวันที่ 2 มิถุนายน 2541 และได้ผ่อนผันในเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย ในการนี้ธนาคาร จีอี มันนี่ เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) ต้องคืนใบอนุญาตประกอบการธนาคารพาณิชย์ และใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับปัจจัยชำระเงินต่างประเทศต่อกระทรวงการคลังภายใน 1 ปี
2. การพิจารณาผ่อนผันให้มีการถือหุ้นเกินอัตราที่กำหนดในมาตรา 5 ทวิ และ5 เบญจ กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยมีหลักเกณฑ์และแนวทางการพิจารณาดังนี้
2.1 กรณีผ่อนผันให้บุคคลต่างชาติถือหุ้นรวมกันเกิน 1 ใน 4 ตามมาตรา 5 เบญจ
(1) ธนาคารพาณิชย์มีความจำเป็นต้องแก้ไขฐานะหรือการดำเนินการ โดยปัจจุบันเกณฑ์ที่ใช้เป็นตัวบ่งชี้ (Trigger Point) ในการพิจารณา คือระดับ BIS Ratio ของแต่ละธนาคาร ซึ่งคำนวณในลักษณะ consolidate และคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่กระทบต่อฐานะของธนาคารด้วย
(2) ธนาคารพาณิชย์ไม่สามารถหาผู้ลงทุนที่เป็นสัญชาติไทยที่เหมาะสมได้ หรือเห็นได้ว่าผู้ถือหุ้นปัจจุบันอาจไม่สามารถเพิ่มทุนได้เพียงพอ
(3) ผู้ถือหุ้นต่างชาติควรเข้ามาในลักษณะของพันธมิตรทางธุรกิจ (Strategic Partner) และควรเป็นสถาบันการเงินหรืออยู่ในกลุ่มธุรกิจการเงินหรือมีธุรกิจเกี่ยวข้องกับการเงิน
(4) สัดส่วนที่จะผ่อนผันให้กับธนาคารพาณิชย์ คือ ผู้ถือหุ้นต่างชาติทั้งหมดรวมกันแล้วต้องไม่เกินร้อยละ 49 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้ว เว้นแต่กรณีจำเป็นอย่างยิ่ง ในการพิจารณาผ่อนผันก็จะกำหนดเงื่อนไขในลักษณะ grandfathered clause ไว้ด้วย กล่าวคือ ให้ถือหุ้นในสัดส่วนที่เกินร้อยละ 49 เป็นเวลา 10 ปี หลังจากนั้นให้ลดสัดส่วนดังกล่าวลงเหลือไม่เกินร้อยละ 49 ทั้งนี้ ตามแนวทางในหนังสือธนาคารแห่งประเทศไทย ด่วนที่สุด ธปท.ง. 3206/2549 ลงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2540
2.2 กรณีการผ่อนผันให้บุคคลถือหุ้นในธนาคารพาณิชย์เกินร้อยละ 5 ตามมาตรา 5 ทวิ
(1) ธนาคารพาณิชย์มีความจำเป็นต้องแก้ไขฐานะหรือการดำเนินการ โดยปัจจุบันเกณฑ์ที่ใช้เป็นตัวบ่งชี้ (Trigger Point) ในการพิจารณา คือระดับ BIS Ratio ของแต่ละธนาคารซึ่งคำนวณในลักษณะ consolidate และคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่กระทบต่อฐานะของธนาคารด้วย
(2) หากธนาคารพาณิชย์ขอผ่อนผันให้มีต่างชาติแต่ละรายถือหุ้นเกินร้อยละ 5 ก็จะคำนึงถึงสัดส่วนการถือหุ้นต่างชาติทุกรายรวมกันแล้วต้องไม่เกินร้อยละ 49 กรณีเป็นต่างชาติรายเดียวก็ต้องไม่เกินร้อยละ 49 ด้วย เว้นแต่กรณีจำเป็นอย่างยิ่ง ในการพิจารณาผ่อนผันก็จะกำหนดเงื่อนไขในลักษณะ grandfathered clause ไว้ด้วยเช่นเดียวกับกรณีตามข้อ 2.1 (4)
(3) นอกจากนี้ในการพิจารณาให้บุคคลใดถือหุ้นเกินร้อยละ 5 ธนาคารแห่งประเทศไทยจะดูความเหมาะสม (fit and proper) ของผู้ที่จะลงทุนประกอบด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 22 สิงหาคม 2549--จบ--
1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยคำแนะนำของธนาคารแห่งประเทศไทยได้ผ่อนผันให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มี GE Capital International Holdings Corporation เป็นผู้ถือหุ้นเกินร้อยละ 5 แต่ไม่เกินร้อยละ 29.5 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด และหลังจากที่มีการใช้สิทธิ์แปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ์ทั้งหมดภายในเดือนกันยายน 2551 ให้มีสัดส่วนการ ถือหุ้นไม่เกินร้อยละ 25.4 โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 5 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. 2505 ที่แก้ไขแล้ว ทั้งนี้ การถือหุ้นของผู้ถือหุ้นต่างชาติรวมกันจะไม่เกิน ร้อยละ 49 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ผ่อนผันไว้แล้ว โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 5 เบญจ ตามหนังสือที่ กค 0303/14412 ลงวันที่ 2 มิถุนายน 2541 และได้ผ่อนผันในเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย ในการนี้ธนาคาร จีอี มันนี่ เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) ต้องคืนใบอนุญาตประกอบการธนาคารพาณิชย์ และใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับปัจจัยชำระเงินต่างประเทศต่อกระทรวงการคลังภายใน 1 ปี
2. การพิจารณาผ่อนผันให้มีการถือหุ้นเกินอัตราที่กำหนดในมาตรา 5 ทวิ และ5 เบญจ กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยมีหลักเกณฑ์และแนวทางการพิจารณาดังนี้
2.1 กรณีผ่อนผันให้บุคคลต่างชาติถือหุ้นรวมกันเกิน 1 ใน 4 ตามมาตรา 5 เบญจ
(1) ธนาคารพาณิชย์มีความจำเป็นต้องแก้ไขฐานะหรือการดำเนินการ โดยปัจจุบันเกณฑ์ที่ใช้เป็นตัวบ่งชี้ (Trigger Point) ในการพิจารณา คือระดับ BIS Ratio ของแต่ละธนาคาร ซึ่งคำนวณในลักษณะ consolidate และคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่กระทบต่อฐานะของธนาคารด้วย
(2) ธนาคารพาณิชย์ไม่สามารถหาผู้ลงทุนที่เป็นสัญชาติไทยที่เหมาะสมได้ หรือเห็นได้ว่าผู้ถือหุ้นปัจจุบันอาจไม่สามารถเพิ่มทุนได้เพียงพอ
(3) ผู้ถือหุ้นต่างชาติควรเข้ามาในลักษณะของพันธมิตรทางธุรกิจ (Strategic Partner) และควรเป็นสถาบันการเงินหรืออยู่ในกลุ่มธุรกิจการเงินหรือมีธุรกิจเกี่ยวข้องกับการเงิน
(4) สัดส่วนที่จะผ่อนผันให้กับธนาคารพาณิชย์ คือ ผู้ถือหุ้นต่างชาติทั้งหมดรวมกันแล้วต้องไม่เกินร้อยละ 49 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้ว เว้นแต่กรณีจำเป็นอย่างยิ่ง ในการพิจารณาผ่อนผันก็จะกำหนดเงื่อนไขในลักษณะ grandfathered clause ไว้ด้วย กล่าวคือ ให้ถือหุ้นในสัดส่วนที่เกินร้อยละ 49 เป็นเวลา 10 ปี หลังจากนั้นให้ลดสัดส่วนดังกล่าวลงเหลือไม่เกินร้อยละ 49 ทั้งนี้ ตามแนวทางในหนังสือธนาคารแห่งประเทศไทย ด่วนที่สุด ธปท.ง. 3206/2549 ลงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2540
2.2 กรณีการผ่อนผันให้บุคคลถือหุ้นในธนาคารพาณิชย์เกินร้อยละ 5 ตามมาตรา 5 ทวิ
(1) ธนาคารพาณิชย์มีความจำเป็นต้องแก้ไขฐานะหรือการดำเนินการ โดยปัจจุบันเกณฑ์ที่ใช้เป็นตัวบ่งชี้ (Trigger Point) ในการพิจารณา คือระดับ BIS Ratio ของแต่ละธนาคารซึ่งคำนวณในลักษณะ consolidate และคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่กระทบต่อฐานะของธนาคารด้วย
(2) หากธนาคารพาณิชย์ขอผ่อนผันให้มีต่างชาติแต่ละรายถือหุ้นเกินร้อยละ 5 ก็จะคำนึงถึงสัดส่วนการถือหุ้นต่างชาติทุกรายรวมกันแล้วต้องไม่เกินร้อยละ 49 กรณีเป็นต่างชาติรายเดียวก็ต้องไม่เกินร้อยละ 49 ด้วย เว้นแต่กรณีจำเป็นอย่างยิ่ง ในการพิจารณาผ่อนผันก็จะกำหนดเงื่อนไขในลักษณะ grandfathered clause ไว้ด้วยเช่นเดียวกับกรณีตามข้อ 2.1 (4)
(3) นอกจากนี้ในการพิจารณาให้บุคคลใดถือหุ้นเกินร้อยละ 5 ธนาคารแห่งประเทศไทยจะดูความเหมาะสม (fit and proper) ของผู้ที่จะลงทุนประกอบด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 22 สิงหาคม 2549--จบ--