คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการขอรับความคุ้มครองการประดิษฐ์ตามสนธิสัญญาความร่วมมือด้านสิทธิบัตร พ.ศ. ....ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และเมื่อกระทรวงพาณิชย์ระบุวันใช้บังคับในร่างข้อ 1 และวันที่ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีแห่งสนธิสัญญาในร่างข้อ 3 แล้ว ให้ดำเนินการต่อไปได้
ข้อเท็จจริง
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแจ้งว่า คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 6) ได้ตรวจพิจารณาร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ 21 (พ.ศ. 2542) ออกตามความในพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 เสร็จแล้ว มีการแก้ไขสาระสำคัญ ดังนี้
1. แก้ไขชื่อร่างกฎกระทรวง เป็น “ ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการขอรับความคุ้มครองการประดิษฐ์ตามสนธิสัญญาความร่วมมือด้านสิทธิบัตร พ.ศ. ....” เพื่อให้ชื่อของร่างกฎกระทรวงครอบคลุมทั้งเรื่องของสิทธิบัตรการประดิษฐ์และ อนุสิทธิบัตร ซึ่งเป็นเรื่องการคุ้มครองการประดิษฐ์ โดยไม่รวมถึงสิทธิบัตรออกแบบผลิตภัณฑ์
2. เพิ่มบทอาศัยอำนาจเป็นอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 4 และมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 และมาตรา 17 และมาตรา 65 ทศ แห่งพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสิทธิบัตร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542 เพื่อให้ครอบคลุมถึงหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอรับสิทธิบัตร ตาม PCT และหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจสอบของพนักงานเจ้าหน้าที่ในการออกสิทธิบัตรการประดิษฐ์ให้แก่ผู้ยื่นคำขอระหว่างประเทศที่ขอรับความคุ้มครองในประเทศไทย
3. ในการดำเนินการส่งร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ไปประกาศในราชกิจจานุเบกษานั้น สมควรดำเนินการหลังจากที่ประเทศไทยได้สมัครเข้าเป็นภาคีแห่งสนธิสัญญาความร่วมมือด้านสิทธิบัตรแล้ว ดังนั้น ในการตรวจพิจารณาร่างกฎกระทรวงฯ จึงยังไม่มีการระบุวันใช้บังคับในร่างข้อ 1 และวันที่ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีแห่งสนธิสัญญาในร่างข้อ 3 หากเมื่อใดที่ประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีแห่งสนธิสัญญาแล้ว ก็ให้ระบุวันใช้บังคับในร่างข้อ 1 ให้ชัดเจนว่าเป็นวันใด (วันที่สนธิสัญญามีผลผูกพันประเทศไทย) และระบุวันที่ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีแห่งสนธิสัญญาในร่างข้อ 3 ต่อไป
4. ได้ปรับปรุงโครงสร้างของร่างกฎกระทรวงฯ โดยจัดเรียงลำดับตามขั้นตอนการดำเนินงานตาม PCT
กระทรวงพาณิชย์ได้พิจารณาแล้วเห็นชอบกับร่างกฎกระทรวงดังกล่าว
สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง
กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการขอรับความคุ้มครองการประดิษฐ์ตามสนธิสัญญาความร่วมมือด้านสิทธิบัตร ดังนี้
1. หมวด 1 กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการยื่นคำขอระหว่างประเทศเพื่อขอรับรองความคุ้มครองการประดิษฐ์ในประเทศภาคีแห่งสนธิสัญญา
2. หมวด 2 กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการกับคำขอระหว่างประเทศที่ขอรับความคุ้มครองการประดิษฐ์ในประเทศไทย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 8 กันยายน 2552 --จบ--