คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการขอปรับปรุงอัตราค่าห้องรวมค่าอาหารในสถานพยาบาลสำหรับบิดามารดาของพนักงานและลูกจ้างของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่เข้าทำงานก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2548 จากเดิม เบิกได้ตามที่จ่ายตามจริงแต่ไม่เกินวันละ 800 บาท เป็น เบิกได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินวันละ 1,000 บาท ทั้งนี้ ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ในการประชุมครั้งที่ 3/2552 เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2552 แล้ว ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
สาระสำคัญของเรื่อง
กระทรวงพลังงานรายงานว่า
1. ปัจจุบันอัตราค่าห้องรวมค่าอาหารของสถานพยาบาลของรัฐและเอกชนได้มีการปรับสูงขึ้น ประกอบกับอัตราค่าห้องรวมค่าอาหารในสถานพยาบาลสำหรับบิดามารดาของพนักงานและลูกจ้างที่ใช้บังคับปัจจุบันใช้บังคับประมาณ 12 ปีแล้ว (ตั้งแต่ปี 2540) ดังนั้น กฟผ. จึงขอปรับปรุงอัตราค่าห้องรวมค่าอาหารในสถานพยาบาลสำหรับบิดามารดาของพนักงานและลูกจ้างที่เข้าทำงานก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2548 ซึ่งมีสิทธิได้รับสวัสดิการดังกล่าวจาก กฟผ. จากเดิม เท่าที่จ่ายจริง ไม่เกินวันละ 800 บาท เป็น เท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน วันละ 1,000 บาท
2. การขอปรับปรุงค่าห้องและค่าอาหารดังกล่าวถือเป็นการเพิ่มเงินสวัสดิการ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2547 เห็นชอบตามที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานในเรื่องสวัสดิการ “กำหนดขอบเขตเป็นสภาพการจ้างตามมาตรา 13 (2) แห่งพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543 ที่ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งสามารถดำเนินการได้เอง เมื่อคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์นั้นเห็นชอบแล้ว ยกเว้นในเรื่องค่ารักษาพยาบาลยังคงสงวนให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์และคณะรัฐมนตรีในการพิจารณาให้ความเห็นชอบกรณีรัฐวิสาหกิจจะมีการปรับปรุงสภาพการจ้างนี้เกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลตามมาตรา 13 วรรคสาม มาตรา 28 และมาตรา 32”
3. คณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ในการประชุมครั้งที่ 3/2552 เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2552 มีมติเห็นชอบให้ กฟผ. ปรับอัตราค่าห้องและค่าอาหารในสถานพยาบาลสำหรับบิดามารดาของพนักงานและลูกจ้างที่เข้าทำงาน ก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2548 จากเดิม เบิกได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินวันละ 800 บาท เป็นเบิกได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินวันละ 1,000 บาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 8 กันยายน 2552 --จบ--