รายงานผลการเจรจาเงินกู้กับธนาคารโลก สำหรับโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2)

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 9, 2009 14:10 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับหลักการและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้ง 4 ข้อ ดังนี้

1. รับหลักการของร่างสัญญาเงินกู้ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งนำเสนอร่างสัญญาดังกล่าวต่อรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบ

2. อนุมัติให้กระทรวงการคลังในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยดำเนินการกู้เงินจากธนาคารโลก วงเงิน 79.30 ล้านเหรียญสหรัฐ

3. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามในสัญญากู้เงินรวมทั้งเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย

สาระสำคัญของเรื่อง

คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2551 อนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ โดยมีโครงการก่อสร้างทางสายหลักให้เป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ของกรมทางหลวง ที่บรรจุไว้ในแผนงานที่ 5: แผนการก่อหนี้จากต่างประเทศ ประจำปีงบประมาณ 2552 (ปรับปรุงครั้งที่ 2) วงเงิน 170.30 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 5,620 ล้านบาท โดยใช้เงินกู้จากธนาคารโลกและธนาคารพัฒนาเอเชีย และต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2552 อนุมัติให้กรมทางหลวงดำเนินโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) จำนวน 8 สายทางรวมระยะทาง 433 กิโลเมตร โดยบรรจุไว้ใน แผนก่อหนี้ต่างประเทศประจำปีงบประมาณ 2552 โดยใช้เงินกู้จาก 2 แหล่งคือ ธนาคารโลกและธนาคารพัฒนาเอเชีย ส่วนงบประมาณแผ่นดินที่จะนำมาใช้จ่ายเพื่อสมทบโครงการเงินกู้ดังกล่าว ให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และข้อสังเกตของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปพิจารณาดำเนินการด้วย และต่อมาในคราวประชุมร่วมกันของรัฐสภาเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2552 รัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบกรอบเจรจากู้เงินจาก 2 แหล่ง คือ ธนาคารโลกและธนาคารพัฒนาเอเชีย สำหรับโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2)

กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งคณะผู้แทนไทย ประกอบด้วย ผู้แทนกรมทางหลวงและผู้แทนกระทรวงการคลัง เพื่อเจรจาในรายละเอียดของร่างสัญญากู้เงินและเอกสารอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับธนาคารโลก ณ ที่ทำการธนาคารโลก ประจำประเทศไทย และได้มีการลงนามใน Agreed Minutes of Negotiations เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2552 โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้

1. วงเงินกู้จำนวน 79.30 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้รับการจัดสรรให้กับโครงการปรับปรุงและพัฒนาทางหลวง โดยเงินกู้จำนวนดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ซึ่งประกอบด้วยแผนงานก่อสร้างต่างๆ ดังนี้

1.1 แผนงานก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 201 เส้นทางสีคิ้ว-ชัยภูมิ ตอน สีคิ้ว -บ.หนองบัวโคก ระยะทาง 60 กิโลเมตร

1.2 แผนงานก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 24 เส้นทางสีคิ้ว-อุบลราชธานี ตอน อ.นางรอง-อ.ปราสาท ระยะทาง 65 กิโลเมตร

1.3 แผนงานก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 331 เส้นทางสีคิ้ว-พนมสารคาม ตอน แยกทางหลวงหมายเลข 36-บรรจบทางหลวงหมายเลข 3 (สัตหีบ) ระยะทาง 28 กิโลเมตร

1.4 แผนงานก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 4 เส้นพังงา-กระบี่ ตอน 3 ระยะทาง 27 กิโลเมตร

1.5 แผนงานก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 408 เส้นทางนครศรีธรรมราช-สงขลา ตอน อ.ระโนด-อ.สทิงพระ ระยะทาง 36 กิโลเมตร

2. เงื่อนไขเงินกู้

2.1 เป็นเงินกู้สกุลเหรียญสหรัฐในวงเงิน 79.30 ล้านเหรียญสหรัฐ

2.2 ระยะเวลากู้เงิน 15 ปี (รวมระยะปลอดหนี้ 5 ปี)

2.3 งวดการชำระเงินดอกเบี้ย ซึ่งต้องชำระดอกเบี้ยปีละ 2 ครั้ง

2.4 การชำระคืนต้นเงินกู้ แบ่งเป็น 2 งวด ทุก 6 เดือน โดยกำหนดชำระปีละ 2 ครั้ง

2.5 ค่าธรรมเนียมผูกพันเงินกู้ อัตราร้อยละ 0.75 ต่อปี ของยอดเงินกู้คงค้างที่ยังไม่ได้เบิกจ่ายในแต่ละปีโดยธนาคารฯ จะเริ่มคิดค่าธรรมเนียมผูกพันเงินกู้ 60 วัน หลังวันลงนามในสัญญากู้เงินหลังจากนั้นคิดยอดเต็มเงินกู้ที่ยังไม่ได้เบิกจ่ายทั้งหมด

2.6 Front-end Fee อัตราร้อยละ 0.25 ของวงเงินกู้

2.7 อัตราดอกเบี้ยกำหนดให้ใช้อัตราดอกเบี้ยลอยตัวของเงินกู้สกุลเงินเหรียญสหรัฐ โดยใช้อัตราเงินกู้ระหว่างธนาคารในลอนดอนระยะเวลา 6 เดือน (LIBOR) เป็นฐานการคำนวณบวกส่วนต่างซึ่งธนาคารโลกจะปรับอัตราดอกเบี้ยทุก 6 เดือน LIBOR + (-0.05) (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสกุลเงินเหรียญสหรัฐ ระยะเงินกู้เฉลี่ย 15 ปีอยู่ที่ ร้อยละ 0.91)

3. ธนาคารโลกตกลงที่จะจัดสรรเงินกู้เพิ่มเติมจำนวน 79.30 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้กับโครงการปรับปรุงและพัฒนาทางหลวง โดยเงินกู้จำนวนดังกล่าวจะนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2)

4. เงินกู้รายนี้ คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะได้พิจารณาอนุมัติโดยบรรจุไว้เป็นโครงการหลักในแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศ ประจำปีงบประมาณ 2552 แล้ว

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 8 กันยายน 2552 --จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ