เรื่อง รายงานผลการเจรจาเงินกู้กับธนาคารพัฒนาเอเชีย สำหรับโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2)
คณะรัฐมนตรีรับหลักการและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้ง 4 ข้อ ดังนี้
1. รับหลักการของร่างสัญญาเงินกู้ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งนำเสนอร่างสัญญาดังกล่าวต่อรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบ
2. อนุมัติให้กระทรวงการคลังในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยดำเนินการกู้เงินจากธนาคารพัฒนาเอเชีย วงเงิน 77.10 ล้านเหรียญสหรัฐ
3. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามในสัญญากู้เงินรวมถึงเอกสารที่เกี่ยวข้องในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย
4. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดเตรียมความเห็นทางกฎหมายโดยด่วนต่อไป
สาระสำคัญของเรื่อง
คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2551 อนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ โดยมีโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ของกรมทางหลวงที่บรรจุไว้ในแผนงานที่ 5 : แผนการก่อหนี้จากต่างประเทศ ประจำปีงบประมาณ 2552 (ปรับปรุงครั้งที่ 2) วงเงิน 170.30 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 5,620.00 ล้านบาท โดยใช้เงินกู้จากธนาคารโลกและธนาคารพัฒนาเอเชีย และต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2552 อนุมัติให้กรมทางหลวงดำเนินโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) จำนวน 8 สายทาง รวมระยะทาง 433 กิโลเมตร โดยบรรจุไว้ในแผนการก่อหนี้ต่างประเทศประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 โดยกู้จาก 2 แหล่งคือ ธนาคารโลกและธนาคารพัฒนาเอเชีย ส่วนงบประมาณแผ่นดินที่จะนำมาใช้จ่ายเพื่อสมทบโครงการเงินกู้ดังกล่าวให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและข้อสังเกตของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปพิจารณาดำเนินการด้วย และต่อมาในคราวประชุมร่วมกันของรัฐสภาเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2552 รัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบกรอบการเจรจากู้เงินจาก 2 แหล่ง คือธนาคารโลกและธนาคารพัฒนาเอเชีย สำหรับโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2)
กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งคณะผู้แทนไทย ประกอบด้วยผู้แทนกระทรวงการคลังและผู้แทนกรมทางหลวงเพื่อเจรจาในรายละเอียดเงื่อนไขของร่างสัญญากู้เงินและเอกสารอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับธนาคารพัฒนาเอเชีย สำหรับโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ณ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง และได้มีการลงนามใน Minutes of Loan Negotiations เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2552 โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
1. วงเงินกู้จำนวน 77.10 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) โดยมีแผนงานก่อสร้างต่างๆดังนี้
1.1 แผนงานก่อสร้างและเส้นทางสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจแนวตะวันออก — ตะวันตก (East — West Economic Corridor) ประกอบด้วย
- งานก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 12 เส้นทางพิษณุโลก-หล่มสัก ระยะทาง 105 กิโลเมตร
1.2 แผนงานก่อสร้างและเส้นทางสนับสนุนการพัฒนาเชื่อมโยงเข้าสู่พื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก (Eastern Seaboard)
- งานก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 359 เส้นทาง พนมสารคาม — สระแก้ว ระยะทาง 73 กิโลเมตร
2. เงื่อนไขเงินกู้
2.1 เป็นเงินกู้สกุลเหรียญสหรัฐในวงเงิน 77.10 ล้านเหรียญสหรัฐ
2.2 ระยะเวลากู้เงิน 15 ปี (รวมระยะเวลาปลอดหนี้ 5 ปี)
2.3 งวดการชำระดอกเบี้ย ซึ่งต้องชำระดอกเบี้ยปีละ 2 ครั้ง
2.4 การชำระคืนต้นเงินกู้แบ่งเป็น 2 งวด ทุก 6 เดือน
2.5 มีระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกู้ 5 ปี โดยมีกำหนดการสิ้นสุดการเบิกจ่ายเงินกู้ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2557
2.6 ค่าธรรมเนียมผูกพันเงินกู้อัตราร้อยละ 0.15 ต่อปี ของยอดเงินกู้คงค้างที่ยังไม่ได้เบิกจ่ายในแต่ละปีโดยธนาคารฯ จะเริ่มคิดค่าธรรมเนียมผูกพันเงินกู้ 60 วันหลังวันลงนามในสัญญากู้เงินหลังจากนั้นคิดเต็มยอดเงินกู้ที่ยังไม่ได้เบิกจ่ายทั้งหมด
2.7 ใช้อัตราดอกเบี้ยลอยตัวของเงินกู้สกุลเงินเหรียญสหรัฐซึ่งมีวิธีคำนวณตามอัตราต้นทุนการกู้เงินของ ADB บวกส่วนต่างและอัตราส่วนลด (Rebate) ซึ่ง ADB จะปรับอัตราดอกเบี้ยทุก 6 เดือน LIBOR+0.20-0.31 (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสกุลเงินเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2552 อยู่ที่ ร้อยละ 0.9300)
3. ธนาคารพัฒนาเอเชียได้ตกลงให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศไทย โดยจัดสรรวงเงินกู้ให้วงเงินเทียบเท่าจำนวน 77.10 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) โดยมีเงื่อนไขความช่วยเหลือเป็นไปตามมาตรฐานของธนาคารฯ
4. เงินกู้รายนี้ คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะได้พิจารณาอนุมัติโดยบรรจุไว้เป็นโครงการหลักในแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศ ประจำปีงบประมาณ 2552 แล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 8 กันยายน 2552 --จบ--