คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานแผนการบริหารจัดการน้ำปี 2549 ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีและจังหวัดระยอง สรุปได้ดังนี้
1. จังหวัดชลบุรี
1.1 ความต้องการใช้น้ำทุกกิจกรรมของจังหวัดชลบุรี รวม 132.774 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี แยกเป็นความต้องการใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำในเขตจังหวัดชลบุรี จำนวน 77.634 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี และความต้องการใช้น้ำจากท่อส่งน้ำของบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ East Water ที่ต้องการจากอ่างเก็บน้ำในเขตจังหวัดระยอง จำนวน 55.140 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี
1.2 ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้ง 7 แห่ง ณ วันที่ 1 ธันวาคม 2548 รวม 82.798 ล้านลูกบาศก์เมตรและภายหลังจากส่งน้ำสนับสนุนการใช้น้ำตามข้อ 1.1 กรณีไม่ได้ดำเนินการใด ๆ แล้ว พบว่าปริมาณน้ำคาดการณ์รายเดือนคงเหลือในอ่างเก็บน้ำมีเพียงพอโดยไม่ก่อให้เกิดภาวะขาดแคลนจนสิ้นสุดฤดูแล้ง หรือหากเกิดสภาวะฝนตกล่าช้า (ถึงเดือนสิงหาคม 2549) ดังเช่นปี 2548 ที่ผ่านมา ก็ยังคงมีปริมาณน้ำคาดการณ์คงเหลือ จำนวน 37.860 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 21 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมดที่ระดับเก็บกักปกติ
1.3 กรณีดำเนินการผันน้ำจากแม่น้ำบางปะกงและจากคลองนครเนื่องเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา จะสามารถเพิ่มเติมปริมาณน้ำคงเหลือในอ่างเก็บน้ำได้มากขึ้น จำนวน 44.970 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี โดยตลอดช่วงฤดูแล้งจะยังคงมีปริมาณน้ำคาดการณ์รายเดือนคงเหลือในอ่างเก็บน้ำฯ รวมทั้งหมดไม่น้อยกว่า 76 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 43 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมดที่ระดับเก็บกักปกติ
1.4 กรณีดำเนินการผันน้ำจากแม่น้ำบางปะกงเพียงแหล่งเดียว จะสามารถเพิ่มเติมปริมาณน้ำคงเหลือในอ่างเก็บน้ำได้มากขึ้น จำนวน 22.240 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี โดยปริมาณน้ำคาดการณ์รายเดือนคงเหลือน้อยที่สุด (เดือนกรกฎาคม 2549) จะยังคงมีเป็นจำนวน 49.452 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 28 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมดที่ระดับเก็บกักปกติ
2. จังหวัดระยอง
2.1 ความต้องการใช้น้ำทุกกิจกรรมของจังหวัดระยอง รวม 278.061 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี ซึ่งรวมปริมาณน้ำที่ต้องการสนับสนุนช่วยเหลือพื้นที่จังหวัดชลบุรี จำนวน 55.140 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี ของบริษัท East Water แล้ว
2.2 ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำหลักทั้ง 4 แห่ง ณ วันที่ 1 ธันวาคม 2548 รวม 194.60 ล้านลูกบาศก์เมตร และภายหลังจากส่งน้ำสนับสนุนการใช้น้ำตามข้อ 2.1 กรณีไม่ได้ดำเนินการใด ๆ แล้ว พบว่าปริมาณน้ำคาดการณ์ คงเหลือน้อยที่สุดจะเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2549 คือมีปริมาณน้ำจำนวน 67.80 ล้านลูกบาศก์เมตรหรือคิดเป็นร้อยละ 25 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมดที่ระดับเก็บกักปกติ ซึ่งมีปริมาณเพียงพอโดยไม่ก่อให้เกิดภาวะขาดแคลนเช่นเดียวกับจังหวัดชลบุรี
2.3 กรณีดำเนินการตามมาตรการเร่งด่วน (2 สิงหาคม 2548) มาตรการเสริม และการผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ จะสามารถเพิ่มเติมปริมาณน้ำคงเหลือในอ่างเก็บน้ำได้มากขึ้น จำนวน 60.9 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปีโดยจะมีปริมาณน้ำคาดการณ์คงเหลือน้อยที่สุดในอ่างเก็บน้ำฯ (เดือนสิงหาคม 2549) จำนวน 110.70 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 40 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมดที่ระดับเก็บกักปกติ
2.4 กรณีดำเนินการตามมาตรการเร่งด่วน (2 สิงหาคม 2548) และมาตรการเสริม โดยไม่ใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ จะสามารถเพิ่มเติมปริมาณน้ำคงเหลือในอ่างเก็บน้ำได้มากขึ้น จำนวน 39.4 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี โดยปริมาณน้ำคาดการณ์รายเดือนคงเหลือน้อยที่สุด (เดือนสิงหาคม 2549) จะยังคงมีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำฯ จำนวน 89.20 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 32 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมดที่ระดับเก็บกักปกติ
เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพ และเป็นเอกภาพ ที่ประชุมได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการปรับเกณฑ์การใช้น้ำ และจัดสรรน้ำในจังหวัดชลบุรี และจังหวัดระยอง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ซึ่งคณะกรรมการฯ ดังกล่าวจะมีหน้าที่ในการพิจารณาปรับปรุงการใช้น้ำ และการจัดสรรน้ำให้เหมาะสมกับสถานการณ์น้ำต้นทุนที่มีอยู่ควบคุมและกำกับการบริหารจัดการน้ำให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลลดปัญหาข้อขัดแย้งต่าง ๆ และติดตาม ประสานงานกับส่วนราชการ หน่วยงานเอกชน ตัวแทนราษฎร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง จากการดำเนินการตามแผนและแนวทางการบริหารจัดการน้ำของจังหวัดชลบุรีและจังหวัดระยองดังกล่าวข้างต้น จะสร้างความมั่นใจได้ว่า ทั้งสองจังหวัดจะมีน้ำเพียงพอสำหรับผู้ใช้น้ำในระยะยาวต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 10 มกราคม 2549--จบ--
1. จังหวัดชลบุรี
1.1 ความต้องการใช้น้ำทุกกิจกรรมของจังหวัดชลบุรี รวม 132.774 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี แยกเป็นความต้องการใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำในเขตจังหวัดชลบุรี จำนวน 77.634 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี และความต้องการใช้น้ำจากท่อส่งน้ำของบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ East Water ที่ต้องการจากอ่างเก็บน้ำในเขตจังหวัดระยอง จำนวน 55.140 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี
1.2 ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้ง 7 แห่ง ณ วันที่ 1 ธันวาคม 2548 รวม 82.798 ล้านลูกบาศก์เมตรและภายหลังจากส่งน้ำสนับสนุนการใช้น้ำตามข้อ 1.1 กรณีไม่ได้ดำเนินการใด ๆ แล้ว พบว่าปริมาณน้ำคาดการณ์รายเดือนคงเหลือในอ่างเก็บน้ำมีเพียงพอโดยไม่ก่อให้เกิดภาวะขาดแคลนจนสิ้นสุดฤดูแล้ง หรือหากเกิดสภาวะฝนตกล่าช้า (ถึงเดือนสิงหาคม 2549) ดังเช่นปี 2548 ที่ผ่านมา ก็ยังคงมีปริมาณน้ำคาดการณ์คงเหลือ จำนวน 37.860 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 21 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมดที่ระดับเก็บกักปกติ
1.3 กรณีดำเนินการผันน้ำจากแม่น้ำบางปะกงและจากคลองนครเนื่องเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา จะสามารถเพิ่มเติมปริมาณน้ำคงเหลือในอ่างเก็บน้ำได้มากขึ้น จำนวน 44.970 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี โดยตลอดช่วงฤดูแล้งจะยังคงมีปริมาณน้ำคาดการณ์รายเดือนคงเหลือในอ่างเก็บน้ำฯ รวมทั้งหมดไม่น้อยกว่า 76 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 43 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมดที่ระดับเก็บกักปกติ
1.4 กรณีดำเนินการผันน้ำจากแม่น้ำบางปะกงเพียงแหล่งเดียว จะสามารถเพิ่มเติมปริมาณน้ำคงเหลือในอ่างเก็บน้ำได้มากขึ้น จำนวน 22.240 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี โดยปริมาณน้ำคาดการณ์รายเดือนคงเหลือน้อยที่สุด (เดือนกรกฎาคม 2549) จะยังคงมีเป็นจำนวน 49.452 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 28 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมดที่ระดับเก็บกักปกติ
2. จังหวัดระยอง
2.1 ความต้องการใช้น้ำทุกกิจกรรมของจังหวัดระยอง รวม 278.061 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี ซึ่งรวมปริมาณน้ำที่ต้องการสนับสนุนช่วยเหลือพื้นที่จังหวัดชลบุรี จำนวน 55.140 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี ของบริษัท East Water แล้ว
2.2 ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำหลักทั้ง 4 แห่ง ณ วันที่ 1 ธันวาคม 2548 รวม 194.60 ล้านลูกบาศก์เมตร และภายหลังจากส่งน้ำสนับสนุนการใช้น้ำตามข้อ 2.1 กรณีไม่ได้ดำเนินการใด ๆ แล้ว พบว่าปริมาณน้ำคาดการณ์ คงเหลือน้อยที่สุดจะเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2549 คือมีปริมาณน้ำจำนวน 67.80 ล้านลูกบาศก์เมตรหรือคิดเป็นร้อยละ 25 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมดที่ระดับเก็บกักปกติ ซึ่งมีปริมาณเพียงพอโดยไม่ก่อให้เกิดภาวะขาดแคลนเช่นเดียวกับจังหวัดชลบุรี
2.3 กรณีดำเนินการตามมาตรการเร่งด่วน (2 สิงหาคม 2548) มาตรการเสริม และการผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ จะสามารถเพิ่มเติมปริมาณน้ำคงเหลือในอ่างเก็บน้ำได้มากขึ้น จำนวน 60.9 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปีโดยจะมีปริมาณน้ำคาดการณ์คงเหลือน้อยที่สุดในอ่างเก็บน้ำฯ (เดือนสิงหาคม 2549) จำนวน 110.70 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 40 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมดที่ระดับเก็บกักปกติ
2.4 กรณีดำเนินการตามมาตรการเร่งด่วน (2 สิงหาคม 2548) และมาตรการเสริม โดยไม่ใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ จะสามารถเพิ่มเติมปริมาณน้ำคงเหลือในอ่างเก็บน้ำได้มากขึ้น จำนวน 39.4 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี โดยปริมาณน้ำคาดการณ์รายเดือนคงเหลือน้อยที่สุด (เดือนสิงหาคม 2549) จะยังคงมีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำฯ จำนวน 89.20 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 32 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมดที่ระดับเก็บกักปกติ
เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพ และเป็นเอกภาพ ที่ประชุมได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการปรับเกณฑ์การใช้น้ำ และจัดสรรน้ำในจังหวัดชลบุรี และจังหวัดระยอง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ซึ่งคณะกรรมการฯ ดังกล่าวจะมีหน้าที่ในการพิจารณาปรับปรุงการใช้น้ำ และการจัดสรรน้ำให้เหมาะสมกับสถานการณ์น้ำต้นทุนที่มีอยู่ควบคุมและกำกับการบริหารจัดการน้ำให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลลดปัญหาข้อขัดแย้งต่าง ๆ และติดตาม ประสานงานกับส่วนราชการ หน่วยงานเอกชน ตัวแทนราษฎร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง จากการดำเนินการตามแผนและแนวทางการบริหารจัดการน้ำของจังหวัดชลบุรีและจังหวัดระยองดังกล่าวข้างต้น จะสร้างความมั่นใจได้ว่า ทั้งสองจังหวัดจะมีน้ำเพียงพอสำหรับผู้ใช้น้ำในระยะยาวต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 10 มกราคม 2549--จบ--