รายงานการติดตามและประเมินผล FTA

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 23, 2009 14:05 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานการติดตามและประเมินผล FTA ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้

1 การค้าระหว่างประเทศและการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ในปี 2552 (ม.ค.-มิ.ย.)

1.1 การส่งออกรวมและการส่งออกภายใต้ FTA ปี 2552 (ม.ค.-มิ.ย.) ระหว่างไทยกับประเทศคู่เจรจา FTA 5 ประเทศ ส่งออกมูลค่า 17,975.0 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 21.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และส่งออกภายใต้ FTA มูลค่า 6,022.1 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนต่อการส่งออกรวมร้อยละ 33.5

ประเทศ                      ส่งออกรวม                     การส่งออกภายใต้ FTA
                        (ล้านเหรียญสหรัฐ)                     (ล้านเหรียญสหรัฐ)
                 ปี 2551      ปี 2552  %เปลี่ยนแปลง      ปี 2551      ปี 2552     % สัดส่วน
               มค.-มิย.)   (มค.-มิย.)               (มค.-มิย.)   (มค.-มิย.)    การใช้สิทธิ
ออสเตรเลีย      3,831.60    3,565.40        -6.9    2,360.40    1,833.00        51.4
นิวซีแลนด์             391       227.7       -41.8           -           -           -
อินเดีย             229.1       197.2       -13.9       234.5       153.6        77.9
จีน             8,395.60    6,863.20       -18.3       995.3    1,602.00        23.3
ญี่ปุ่น            9,990.90    7,121.50       -28.7    2,332.40    2,433.50        34.2
รวม 5 ประเทศ  22,838.20   17,975.00       -21.3    5,922.60    6,022.10        33.5
หมายเหตุ : นิวซีแลนด์ ไม่มีสถิติการใช้ประโยชน์ เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์ไม่ต้องออกหนังสือรับรอง

อินเดีย เฉพาะสินค้าเร่งลดภาษี จำนวน 82 รายการ

1.2 การส่งออกภายใต้ FTA มีสัดส่วนการใช้สิทธิมากหรือน้อยเนื่องจาก

ประเทศ         รายการ
ออสเตรเลีย      การส่งออกภายใต้ FTA มีสัดส่วนการใช้สิทธิมาก เนื่องจากไทยใช้สิทธิในการส่งออก รถยนต์และส่วนประกอบโดยเฉพาะ

รถปิกอัพไปออสเตรเลียเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมากเมื่อเทียบกับก่อนทำ FTA

นิวซีแลนด์        ไม่มีสถิติการใช้ประโยชน์ เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์ไม่ต้องออกหนังสือรับรอง
อินเดีย          การส่งออกภายใต้ FTA มีสัดส่วนการใช้สิทธิมาก เนื่องจากภาษีนำเข้าปกติของอินเดียอยู่ในระดับสูงระหว่างร้อยละ 5-10
จีน             การส่งออกภายใต้ FTA มีสัดส่วนการใช้สิทธิไม่มาก เนื่องจาก

1) สินค้าสำคัญที่ไทยส่งออกไปจีนภาษีเป็น 0% อยู่แล้ว เช่น สินค้าเครื่องจักรกล/ไฟฟ้าและอุปกรณ์

2) มีสินค้าบางรายการส่งไปจีนโดยผ่านบริษัทในฮ่องกง ญี่ปุ่น ไต้หวันก่อน เช่น กล้องถ่ายรูป ชุดชั้นใน

ญี่ปุ่น            การส่งออกภายใต้ FTA มีสัดส่วนการใช้สิทธิไม่มาก เนื่องจากส่วนใหญ่ภาษีนำเข้าปกติของญี่ปุ่นลดเป็น 0 แล้ว ประมาณ

ร้อยละ 75 ของรายการสินค้าทั้งหมด

1.3 การนำเข้ารวมและการนำเข้าภายใต้ FTAในปี 2552 (ม.ค.-มิ.ย.) ระหว่างไทยกับประเทศคู่เจรจา FTA 5 ประเทศ นำเข้ามูลค่า 19,165.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 35.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และนำเข้าภายใต้ FTA มูลค่า 1,613.8 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนต่อการนำเข้ารวมร้อยละ 8.4

รายการ                        นำเข้ารวม                            การนำเข้าภายใต้ FTA
                          (ล้านเหรียญสหรัฐ)                            (ล้านเหรียญสหรัฐ)
                   ปี 2551      ปี 2552  %เปลี่ยนแปลง           ปี 2551       ปี 2552     % สัดส่วน
              (ม.ค.-มิ.ย.) (ม.ค.-มิ.ย.)                  (ม.ค.-มิ.ย.)  (ม.ค.-มิ.ย.)    การใช้สิทธิ
ออสเตรเลีย        2,470.80    1,671.50       -32.3            271.9        193.4        11.6
นิวซีแลนด์             423.5       144.3       -65.9            143.2         71.5        49.5
อินเดีย                96.8        49.2       -49.2             24.4         29.1        59.1
จีน              10,029.00    7,218.20         -28             74.2        606.6         8.4
ญี่ปุ่น             16,587.50   10,082.00       -39.2            735.7        713.2         7.1
รวม 5 ประเทศ    29,607.60   19,165.20       -35.3         1,249.40     1,613.80         8.4
หมายเหตุ :  อินเดีย เฉพาะสินค้าเร่งลดภาษี จำนวน 82 รายการ

1.4 การนำเข้าภายใต้ FTA มีสัดส่วนการใช้สิทธิมากหรือน้อยเนื่องจาก

ประเทศ           รายการ
ออสเตรเลีย        การนำเข้าภายใต้ FTA มีสัดส่วนการใช้สิทธิน้อย เนื่องจากมีการทยอยลดภาษีซึ่งจนถึงปัจจุบันยังลดภาษีไม่มาก และสินค้า

ที่นำเข้ามาจากออสเตรเลียส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบซึ่งภาษีนำเข้าปกติมีอัตราที่ต่ำอยู่แล้ว

นิวซีแลนด์          การนำเข้าภายใต้ FTA มีสัดส่วนการใช้สิทธิมาก เนื่องจากส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 40 เป็นการนำเข้านมและผลิตภัณฑ์นม

ซึ่งไทยมีความต้องการนำมาใช้ในประเทศ

อินเดีย            การนำเข้าภายใต้ FTA มีสัดส่วนการใช้สิทธิมาก เนื่องจากภาษีนำเข้าปกติของสินค้าบางชนิดอยู่ในระดับสูง เช่น ส่วนประกอบ

และอุปกรณ์ประกอบของยานยนต์ องุ่นสด

จีน               การนำเข้าภายใต้ FTA มีสัดส่วนการใช้สิทธิน้อย เนื่องจากสินค้านำเข้าสำคัญของไทยลดภาษีเป็นศูนย์แล้ว เช่น เครื่อง

คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์

ญี่ปุ่น              การนำเข้าภายใต้ FTA มีสัดส่วนการใช้สิทธิน้อย เนื่องจากญี่ปุ่นได้ย้ายฐานการผลิตมายังไทยในหลายอุตสาหกรรม เช่น

รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ เหล็กและผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้มีการนำเข้าโดยตรงจากญี่ปุ่นไม่มากนัก

2. การลงทุนโดยตรงในไทยจากประเทศคู่เจรจา FTA ในปี 2552 (ม.ค.-มิ.ย.) ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก 5 ประเทศ มูลค่ารวม 11,400 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 25.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลก และปัญหาการเมืองในไทย ต่างชาติจึงได้ชะลอการลงทุน ยกเว้นอินเดีย เพิ่มขึ้นมากเนื่องจากได้มีการยื่นขอโครงการขนาดใหญ่ในกิจการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานลม เงินลงทุน 2,390 ล้านบาท

ประเทศ          ปี 2551 (ม.ค.-มิ.ย.)    ปี 2552 (ม.ค.-มิ.ย.)       % เปลี่ยนแปลง
                 โครงการ      มูลค่า    โครงการ       มูลค่า    โครงการ        มูลค่า

(จำนวน) (ล้านบาท) (จำนวน) (ล้านบาท)

ออสเตรเลีย              7     1,018          1         51      -85.7         -95
นิวซีแลนด์                2       396          0          0       -100        -100
อินเดีย                  5       212          4      2,509        -20    1,083.50
จีน                     4        67          3         55        -25       -17.9
ญี่ปุ่น                   90    13,594         56      8,785      -37.8       -35.4
รวม 5 ประเทศ         108    15,287         64     11,400      -40.7       -25.4

3. เรื่องที่ต้องดำเนินการต่อ

ประเทศ                 เรื่องที่ต้องดำเนินการ
ไทย-ออสเตรเลีย          1) การเจรจาเปิดตลาดการค้าบริการเพิ่มเติม

2) การเจรจาเรื่องนโยบายการแข่งขันและการจัดซื้อโดยรัฐ

3) การทบทวนสินค้าที่มีมาตรการปกป้องพิเศษ

4) เรื่องที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน

ไทย-นิวซีแลนด์            1) การเจรจาเปิดตลาดการค้าบริการ

2) การทบทวนสินค้าที่มีมาตรการปกป้องพิเศษ

3) การเจรจาเรื่องการจัดซื้อโดยรัฐ

4) เรื่องที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน

ไทย-อินเดีย              1) เจรจาเปิดเสรีการค้าบริการและการลงทุน

2) เจรจาเปิดตลาดรายการสินค้าส่วนที่เหลือ

อาเซียน-จีน              1) การเจรจาเปิดตลาดการค้าบริการเพิ่มเติม

2) การทบทวนความตกลงการค้าสินค้า

ไทย-ญี่ปุ่น                1) การเจรจาเพื่อผ่อนคลายข้อจำกัดต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าสู่ตลาด

2) การเจรจาเปิดตลาดการค้าบริการเพิ่มเติม

3) การเจรจาเรื่องการเคลื่อนย้ายบุคคลธรรมดา

4. ปัญหา/อุปสรรค

ประเทศ           ปัญหา/อุปสรรค
ไทย-อินเดีย        1) อินเดียเปลี่ยนแปลงท่าทีในการเจรจาหลายครั้ง ทำให้ต้องทบทวนท่าทีการเจรจาบ่อยครั้ง ส่งผลให้การเจรจายืดเยื้อ

2) อินเดียไม่ต้องการผูกพันการเปิดตลาดอย่างมาก ทำให้มีสินค้าที่ไม่นำมาลดภาษีซึ่งเป็นสินค้าส่งออกของไทยหลายรายการ

อาเซียน-จีน        การซื้อขายระหว่างไทยกับจีนจำนวนมากดำเนินการผ่านประเทศที่สาม ซึ่งขณะนี้อาเซียนและจีนกำลังอยู่ในระหว่างการ

ดำเนินการเพื่อให้สินค้าที่ซื้อขายผ่านประเทศที่สาม สามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้ และสามารถเจรจาตกลงในเบื้องต้น

ได้แล้ว คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ประมาณกลางปี 2553

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 22 กันยายน 2552 --จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ