คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานรายงานสรุปสถานการณ์น้ำและบริหารจัดการน้ำปัจจุบัน (วันที่ 16 ตุลาคม 2549) สรุปได้ดังนี้
1. สภาพฝน
อิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้และร่องความกดอากาศต่ำที่พาดผ่านประเทศไทยตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นมา ทำให้มีฝนตกหนักและต่อเนื่องในหลายพื้นที่ จากการตรวจวัดปริมาณฝน พบว่าปริมาณฝนปีนี้มากกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงเดียวกันของทุกภาค และมากกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศ 17 เปอร์เซ็นต์ และระยะนี้ร่องความกดอากาศต่ำได้พาดผ่านภาคใต้ตอนกลางและอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนาแน่น กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือปริมาณฝนน้อยลง และมีอากาศเย็นในตอนเช้า
2. สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ
อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ จำนวน 31 อ่าง ซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำนวน 10 อ่าง และกรมชลประทาน จำนวน 21 อ่าง โดยมีปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำที่ระดับเก็บกัก รวมทั้งประเทศ จำนวน 68,465 ล้าน ลบ.ม. และในปี 2549 (15 ต.ค. 49) มีปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้งหมด 64,774 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 95 ของความจุอ่างทั้งหมด
3. สภาพน้ำท่าในลุ่มน้ำเจ้าพระยา
สภาพน้ำท่าในลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่ไหลจากแม่น้ำปิง วัง ยม และน่าน ไหลมารวมกันที่ปากน้ำโพ อำเภอมือง จังหวัดนครสวรรค์ ณ วันที่ 15 ตุลาคม 2549 เวลา 06.00 น. มีปริมาณน้ำไหลผ่านที่สถานีวัดน้ำอำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ 5,740 ลบ.ม./วินาที และมีแนวโน้มจะถึงเกณฑ์สูงสุดในอีก 2-3 วันข้างหน้านับจากวันที่ 15 ตุลาคม 2549
สำหรับปริมาณน้ำที่ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ณ วันที่ 15 ตุลาคม 2549 มีปริมาณน้ำไหลผ่าน วัดได้ 3,990 ลบ.ม./วินาที และเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่เกิดอุทกภัยในปี 2538 และปี 2545 จะพบว่า ปี 2549 มีปริมาณน้ำมากกว่าปี 2545 เท่ากับ 99 ลบ.ม./วินาที แต่น้อยกว่าปี 2538 เท่ากับ 521 ลบ.ม./วินาที
ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ณ วันที่ 15 ตุลาคม 2549 มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 4,749 ลบ.ม./วินาที เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่เกิดอุทกภัยในปี 2538 และปี 2545 จะพบว่า ปี 2549 มีปริมาณน้ำมากกว่าปี 2545 เท่ากับ 462 ลบ.ม./วินาที แต่น้อยกว่าปี 2538 เท่ากับ 702 ลบ.ม./วินาที
4. การบริหารจัดการน้ำ
4.1 ในสภาวะปัจจุบัน กรมชลประทานได้ดำเนินการบริหารจัดการน้ำ ดังนี้
(1) ดำเนินการตรวจวัดปริมาณน้ำที่จุดควบคุมและติดตามน้ำ เช่น อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ เขื่อนเจ้าพระยา เขื่อนพระรามหก อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และสะพานพุทธยอดฟ้าฯ เป็นต้น เพื่อส่งข้อมูลให้ศูนย์ประสานและติดตามสถานการณ์น้ำ สำหรับการวิเคราะห์ประมวลผลและประชาสัมพันธ์ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง
(2) ลดปริมาณน้ำที่ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา โดยเพิ่มปริมาณน้ำเข้าระบบส่งน้ำทั้งสองฝั่งของทุ่งเจ้าพระยา โดยทุ่งฝั่งตะวันตกมีปริมาณน้ำ 688 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ผ่านประตูระบายน้ำปากแม่น้ำน้อย แม่น้ำสุพรรณบุรี (ท่าจีน) ส่วนทุ่งฝั่งตะวันออกมีปริมาณน้ำ 216 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ผ่านประตูระบายปากคลองส่งน้ำชัยนาท-ป่าสัก และชัยนาท-อยุธยา
(3) ลดปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาด้านท้ายเขื่อนฯ โดยการสูบน้ำไปยังพื้นที่ส่วนพระองค์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 2 แห่ง คือ บริเวณทุ่งมะขามหย่อง ได้ปริมาณ 1.3 ล้านลูกบาศก์เมตร และบริเวณทุ่งภูเขาทอง ได้ปริมาณ 2.23 ล้าน ลูกบาศก์เมตร และที่จังหวัดสระบุรีอีก 1 แห่ง คือบริเวณทะเลสาบบ้านหมอ อำเภอบ้านหมอ โดยได้เริ่มสูบน้ำตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2549 คิดเป็นปริมาณน้ำถึงปัจจุบันประมาณ 100,000 ลูกบาศก์เมตร และสามารถรับน้ำได้เพิ่มเติมอีกประมาณ 2.4 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยจะเพิ่มเครื่องสูบน้ำที่สามารถสูบน้ำได้ 1.50 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที อีกจำนวน 1 เครื่อง
(4) สำหรับพื้นที่ทุ่งเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่างได้มีการระบายน้ำและสูบน้ำลงแม่น้ำนครนายก วันละ 2.13 ล้านลูกบาศก์เมตร ระบายและสูบน้ำลงแม่น้ำบางปะกงวันละ 6.95 ล้านลูกบาศก์เมตร ระบายและสูบน้ำออกทะเลวันละ 25.04 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนในพื้นที่ทุ่งฝั่งตะวันตกตอนล่างมีการระบายและสูบน้ำออกสู่แม่น้ำท่าจีนวันละ 9.05 ลูกบาศก์เมตร ระบายและสูบน้ำออกสู่คลองมหาชัยได้ วันละ 0.37 ล้านลูกบาศก์เมตร
(5) ดำเนินการเร่งะบายน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาผ่านทางประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ลงแม่น้ำเจ้าพระยาได้ประมาณ 27.56 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยเปิดประตูระบายน้ำ 15.50 ชั่วโมง(ระบายน้ำในช่วงที่น้ำทะเลลง) และได้จัดเจ้าหน้าที่คอยตรวจสอบและดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วนสถานการณ์น้ำโดยทั่วไปในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ปัจจุบันมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำบางแห่ง ซึ่งส่วนใหญ่สถานการณ์ใกล้เข้าสู่สภาวะปกติ
4.2 การดำเนินการต่อเนื่องในอนาคต กรมชลประทานได้กำหนดมาตรการลดปริมาณน้ำหลากสูงสุดในช่วงที่น้ำทะเลจะหนุนสูง ระหว่างวันที่ 24-26 ตุลาคม ดังนี้
(1) เร่งรัดการส่งน้ำเพิ่มเติมเข้าพื้นที่ชลประทานในช่วงน้ำหลากสูงสุดทางทุ่งเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก 945,924 ไร่ คิดเป็นปริมาตรน้ำประมาณ 341.10 ล้านลูกบาศก์เมตร และทุ่งเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก 435,000 ไร่ คิดเป็นปริมาตรน้ำประมาณ 177.60 ล้าน ลูกบาศก์เมตร ในพื้นที่ชลประทาน 8 จังหวัด รวมทุ่งเจ้าพระยาฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก 1,380,924 ไร่ คิดเป็นปริมาตรน้ำ ประมาณ 518.70 ล้านลูกบาศก์เมตร
(2) เร่งระบายน้ำและสูบน้ำในทุ่งเจ้าพระยาตอนล่างลงแม่น้ำท่าจีน ลงคลองมหาชัย แม่น้ำนครนายก แม่น้ำบางปะกง และจากคลองชายทะเลลงอ่าวไทย จังหวัดสมุทรปราการ โดย (1)ระบายและสูบน้ำออกสู่แม่น้ำท่าจีนวันละ 9.05 ล้านลูกบาศก์เมตร (2) ระบายและสูบน้ำออกสู่คลองมหาชัยได้วันละ 0.37 ลูกบาศก์เมตร (3) ระบายและสูบน้ำลงแม่น้ำนครนายกวันละ 2.13 ลูกบาศก์เมตร (4) ระบายและสูบน้ำลงแม่น้ำบางปะกงวันละ 6.95 ล้านลูกบาศก์เมตร (5) ระบายและสูบน้ำจากคลองชายทะเลลงอ่าวไทยวันละ 25.04 ล้านลูกบาศก์เมตร
(3) ลดการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ลงแม่น้ำป่าสักผ่านเขื่อนพระรามหกลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านน้อยที่สุด
(4) กรณีที่ปริมาณน้ำที่จังหวัดนครสวรรค์อยู่ในเกณฑ์สูงสุดแล้ว มีแนวโน้มลดลงโดยที่เขื่อนเจ้าพระยามีระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถควบคุมได้ จะให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาน้อยลง
(5) กรมชลประทานได้ขอความร่วมมือจากสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร งดสูบน้ำลงแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงจังหวะที่น้ำทะเลขึ้นของแต่ละวัน
(6) เร่งรัดการติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำเพิ่มเติม เพื่อเร่งระบายน้ำในบริเวณจุดสำคัญเช่นเดียวกับปี 2545
5. การให้ความช่วยเหลือในช่วงเกิดอุทกภัย
กรมชลประทานได้ส่งเครื่องสูบน้ำเข้าช่วยสนับสนุนและบรรเทาอุทกภัยที่จังหวัดพิจิตร จำนวน 20 เครื่อง จังหวัดพิษณุโลก จำนวน 26 เครื่อง จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 11 เครื่อง จังหวัดสุโขทัย จำนวน 2 เครื่อง ส่วนในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำแล้ว จำนวน 143 เครื่อง พร้อมทั้งติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ จำนวน 29 เครื่อง เพื่อเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลให้เร็วที่สุด และได้ร่วมกับกรุงเทพมหานครก่อสร้างทำนบดินชั่วคราวที่ปากคลองสามวา คลอง 8 คลอง 9 คลอง 10 คลอง 11 คลอง 12 ซึ่งอยู่ใต้คลองหกวาสายล่าง เพื่อเป็นทำนบชั่วคราวป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าพื้นที่กรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ยังได้ติดตั้งเครื่องสูบไฟฟ้าที่ประตูระบายน้ำกลางคลองหกวาสายล่าง ขนาด 3 ลบ.ม./วินาที จำนวน 2 เครื่อง ที่ประตูระบายน้ำ กลางคลองแสนแสบ ขนาด 3 ลบ.ม./วินาที จำนวน 2 เครื่อง ที่ประตูระบายน้ำกลางคลองประเวศบุรีรมย์ ขนาด 3 ลบ.ม./วินาที จำนวน 2 เครื่อง เพื่อเร่งสูบน้ำลงแม่น้ำบางปะกงและอ่าวไทย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 17 ตุลาคม 2549--จบ--
1. สภาพฝน
อิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้และร่องความกดอากาศต่ำที่พาดผ่านประเทศไทยตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นมา ทำให้มีฝนตกหนักและต่อเนื่องในหลายพื้นที่ จากการตรวจวัดปริมาณฝน พบว่าปริมาณฝนปีนี้มากกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงเดียวกันของทุกภาค และมากกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศ 17 เปอร์เซ็นต์ และระยะนี้ร่องความกดอากาศต่ำได้พาดผ่านภาคใต้ตอนกลางและอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนาแน่น กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือปริมาณฝนน้อยลง และมีอากาศเย็นในตอนเช้า
2. สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ
อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ จำนวน 31 อ่าง ซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำนวน 10 อ่าง และกรมชลประทาน จำนวน 21 อ่าง โดยมีปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำที่ระดับเก็บกัก รวมทั้งประเทศ จำนวน 68,465 ล้าน ลบ.ม. และในปี 2549 (15 ต.ค. 49) มีปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้งหมด 64,774 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 95 ของความจุอ่างทั้งหมด
3. สภาพน้ำท่าในลุ่มน้ำเจ้าพระยา
สภาพน้ำท่าในลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่ไหลจากแม่น้ำปิง วัง ยม และน่าน ไหลมารวมกันที่ปากน้ำโพ อำเภอมือง จังหวัดนครสวรรค์ ณ วันที่ 15 ตุลาคม 2549 เวลา 06.00 น. มีปริมาณน้ำไหลผ่านที่สถานีวัดน้ำอำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ 5,740 ลบ.ม./วินาที และมีแนวโน้มจะถึงเกณฑ์สูงสุดในอีก 2-3 วันข้างหน้านับจากวันที่ 15 ตุลาคม 2549
สำหรับปริมาณน้ำที่ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ณ วันที่ 15 ตุลาคม 2549 มีปริมาณน้ำไหลผ่าน วัดได้ 3,990 ลบ.ม./วินาที และเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่เกิดอุทกภัยในปี 2538 และปี 2545 จะพบว่า ปี 2549 มีปริมาณน้ำมากกว่าปี 2545 เท่ากับ 99 ลบ.ม./วินาที แต่น้อยกว่าปี 2538 เท่ากับ 521 ลบ.ม./วินาที
ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ณ วันที่ 15 ตุลาคม 2549 มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 4,749 ลบ.ม./วินาที เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่เกิดอุทกภัยในปี 2538 และปี 2545 จะพบว่า ปี 2549 มีปริมาณน้ำมากกว่าปี 2545 เท่ากับ 462 ลบ.ม./วินาที แต่น้อยกว่าปี 2538 เท่ากับ 702 ลบ.ม./วินาที
4. การบริหารจัดการน้ำ
4.1 ในสภาวะปัจจุบัน กรมชลประทานได้ดำเนินการบริหารจัดการน้ำ ดังนี้
(1) ดำเนินการตรวจวัดปริมาณน้ำที่จุดควบคุมและติดตามน้ำ เช่น อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ เขื่อนเจ้าพระยา เขื่อนพระรามหก อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และสะพานพุทธยอดฟ้าฯ เป็นต้น เพื่อส่งข้อมูลให้ศูนย์ประสานและติดตามสถานการณ์น้ำ สำหรับการวิเคราะห์ประมวลผลและประชาสัมพันธ์ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง
(2) ลดปริมาณน้ำที่ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา โดยเพิ่มปริมาณน้ำเข้าระบบส่งน้ำทั้งสองฝั่งของทุ่งเจ้าพระยา โดยทุ่งฝั่งตะวันตกมีปริมาณน้ำ 688 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ผ่านประตูระบายน้ำปากแม่น้ำน้อย แม่น้ำสุพรรณบุรี (ท่าจีน) ส่วนทุ่งฝั่งตะวันออกมีปริมาณน้ำ 216 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ผ่านประตูระบายปากคลองส่งน้ำชัยนาท-ป่าสัก และชัยนาท-อยุธยา
(3) ลดปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาด้านท้ายเขื่อนฯ โดยการสูบน้ำไปยังพื้นที่ส่วนพระองค์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 2 แห่ง คือ บริเวณทุ่งมะขามหย่อง ได้ปริมาณ 1.3 ล้านลูกบาศก์เมตร และบริเวณทุ่งภูเขาทอง ได้ปริมาณ 2.23 ล้าน ลูกบาศก์เมตร และที่จังหวัดสระบุรีอีก 1 แห่ง คือบริเวณทะเลสาบบ้านหมอ อำเภอบ้านหมอ โดยได้เริ่มสูบน้ำตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2549 คิดเป็นปริมาณน้ำถึงปัจจุบันประมาณ 100,000 ลูกบาศก์เมตร และสามารถรับน้ำได้เพิ่มเติมอีกประมาณ 2.4 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยจะเพิ่มเครื่องสูบน้ำที่สามารถสูบน้ำได้ 1.50 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที อีกจำนวน 1 เครื่อง
(4) สำหรับพื้นที่ทุ่งเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่างได้มีการระบายน้ำและสูบน้ำลงแม่น้ำนครนายก วันละ 2.13 ล้านลูกบาศก์เมตร ระบายและสูบน้ำลงแม่น้ำบางปะกงวันละ 6.95 ล้านลูกบาศก์เมตร ระบายและสูบน้ำออกทะเลวันละ 25.04 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนในพื้นที่ทุ่งฝั่งตะวันตกตอนล่างมีการระบายและสูบน้ำออกสู่แม่น้ำท่าจีนวันละ 9.05 ลูกบาศก์เมตร ระบายและสูบน้ำออกสู่คลองมหาชัยได้ วันละ 0.37 ล้านลูกบาศก์เมตร
(5) ดำเนินการเร่งะบายน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาผ่านทางประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ลงแม่น้ำเจ้าพระยาได้ประมาณ 27.56 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยเปิดประตูระบายน้ำ 15.50 ชั่วโมง(ระบายน้ำในช่วงที่น้ำทะเลลง) และได้จัดเจ้าหน้าที่คอยตรวจสอบและดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วนสถานการณ์น้ำโดยทั่วไปในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ปัจจุบันมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำบางแห่ง ซึ่งส่วนใหญ่สถานการณ์ใกล้เข้าสู่สภาวะปกติ
4.2 การดำเนินการต่อเนื่องในอนาคต กรมชลประทานได้กำหนดมาตรการลดปริมาณน้ำหลากสูงสุดในช่วงที่น้ำทะเลจะหนุนสูง ระหว่างวันที่ 24-26 ตุลาคม ดังนี้
(1) เร่งรัดการส่งน้ำเพิ่มเติมเข้าพื้นที่ชลประทานในช่วงน้ำหลากสูงสุดทางทุ่งเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก 945,924 ไร่ คิดเป็นปริมาตรน้ำประมาณ 341.10 ล้านลูกบาศก์เมตร และทุ่งเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก 435,000 ไร่ คิดเป็นปริมาตรน้ำประมาณ 177.60 ล้าน ลูกบาศก์เมตร ในพื้นที่ชลประทาน 8 จังหวัด รวมทุ่งเจ้าพระยาฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก 1,380,924 ไร่ คิดเป็นปริมาตรน้ำ ประมาณ 518.70 ล้านลูกบาศก์เมตร
(2) เร่งระบายน้ำและสูบน้ำในทุ่งเจ้าพระยาตอนล่างลงแม่น้ำท่าจีน ลงคลองมหาชัย แม่น้ำนครนายก แม่น้ำบางปะกง และจากคลองชายทะเลลงอ่าวไทย จังหวัดสมุทรปราการ โดย (1)ระบายและสูบน้ำออกสู่แม่น้ำท่าจีนวันละ 9.05 ล้านลูกบาศก์เมตร (2) ระบายและสูบน้ำออกสู่คลองมหาชัยได้วันละ 0.37 ลูกบาศก์เมตร (3) ระบายและสูบน้ำลงแม่น้ำนครนายกวันละ 2.13 ลูกบาศก์เมตร (4) ระบายและสูบน้ำลงแม่น้ำบางปะกงวันละ 6.95 ล้านลูกบาศก์เมตร (5) ระบายและสูบน้ำจากคลองชายทะเลลงอ่าวไทยวันละ 25.04 ล้านลูกบาศก์เมตร
(3) ลดการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ลงแม่น้ำป่าสักผ่านเขื่อนพระรามหกลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านน้อยที่สุด
(4) กรณีที่ปริมาณน้ำที่จังหวัดนครสวรรค์อยู่ในเกณฑ์สูงสุดแล้ว มีแนวโน้มลดลงโดยที่เขื่อนเจ้าพระยามีระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถควบคุมได้ จะให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาน้อยลง
(5) กรมชลประทานได้ขอความร่วมมือจากสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร งดสูบน้ำลงแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงจังหวะที่น้ำทะเลขึ้นของแต่ละวัน
(6) เร่งรัดการติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำเพิ่มเติม เพื่อเร่งระบายน้ำในบริเวณจุดสำคัญเช่นเดียวกับปี 2545
5. การให้ความช่วยเหลือในช่วงเกิดอุทกภัย
กรมชลประทานได้ส่งเครื่องสูบน้ำเข้าช่วยสนับสนุนและบรรเทาอุทกภัยที่จังหวัดพิจิตร จำนวน 20 เครื่อง จังหวัดพิษณุโลก จำนวน 26 เครื่อง จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 11 เครื่อง จังหวัดสุโขทัย จำนวน 2 เครื่อง ส่วนในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำแล้ว จำนวน 143 เครื่อง พร้อมทั้งติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ จำนวน 29 เครื่อง เพื่อเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลให้เร็วที่สุด และได้ร่วมกับกรุงเทพมหานครก่อสร้างทำนบดินชั่วคราวที่ปากคลองสามวา คลอง 8 คลอง 9 คลอง 10 คลอง 11 คลอง 12 ซึ่งอยู่ใต้คลองหกวาสายล่าง เพื่อเป็นทำนบชั่วคราวป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าพื้นที่กรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ยังได้ติดตั้งเครื่องสูบไฟฟ้าที่ประตูระบายน้ำกลางคลองหกวาสายล่าง ขนาด 3 ลบ.ม./วินาที จำนวน 2 เครื่อง ที่ประตูระบายน้ำ กลางคลองแสนแสบ ขนาด 3 ลบ.ม./วินาที จำนวน 2 เครื่อง ที่ประตูระบายน้ำกลางคลองประเวศบุรีรมย์ ขนาด 3 ลบ.ม./วินาที จำนวน 2 เครื่อง เพื่อเร่งสูบน้ำลงแม่น้ำบางปะกงและอ่าวไทย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 17 ตุลาคม 2549--จบ--