คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเดือน เงินปี เงินประจำตำแหน่ง เงินเพิ่ม และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน พ.ศ. ... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
โดยร่างระเบียบกระทรวงการคลังฯ ดังกล่าวมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดให้การเบิกจ่ายเงินเดือน เงินปี เงินประจำตำแหน่ง เงินเพิ่ม และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน รวมอยู่ในหมวดหมู่เดียวกันและปรับปรุงให้เป็นปัจจุบัน รวมทั้งกำหนดให้สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญ และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2549
2. กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการเบิกจ่ายเงินเดือน เงินปี เงินประจำตำแหน่ง เงินเพิ่ม และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน ให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการเบิกจ่ายตามระบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) และสอดคล้องกับหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการเบิกจ่ายเงิน ตามโครงการจ่ายเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิรายบุคคลโดยตรง (โครงการจ่ายตรง) ทั้งนี้ ได้นำหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติตามที่กระทรวงการคลังและกรมบัญชีกลาง ได้มีหนังสือสั่งการหรือหนังสือแจ้งเวียนส่วนราชการเพื่อถือปฏิบัติมากำหนดไว้เป็นส่วนหนึ่งของระเบียบด้วย
กระทรวงการคลังรายงานว่า โดยที่รัฐบาลได้ตราพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญ และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2549 ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2549 เปลี่ยนแปลงวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินเดือนจากเดิมที่ต้องจัดทำเป็นบัญชีถือจ่ายและได้รับอนุมัติจากกรมบัญชีกลางก่อนจึงจะเบิกจ่ายได้ เปลี่ยนเป็นการจ่ายเงินเดือนให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กรมบัญชีกลางกำหนด เพื่อเป็นการ แก้ไขปัญหาความล่าช้าและขาดความคล่องตัวในการเบิกจ่ายเงิน ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงต้องกำหนดระเบียบรองรับเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวให้สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกา ฯ เพื่อให้การเบิกจ่ายเงินเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและไม่ก่อให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ และการปรับปรุงแก้ไขตามหลักการของร่างระเบียบเป็นการปรับปรุงและพัฒนากฎหมายของกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ประจำปี พ.ศ. 2549 จึงได้เสนอร่างระเบียบฯ ดังกล่าวมา เพื่อดำเนินการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 8 สิงหาคม 2549--จบ--
โดยร่างระเบียบกระทรวงการคลังฯ ดังกล่าวมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดให้การเบิกจ่ายเงินเดือน เงินปี เงินประจำตำแหน่ง เงินเพิ่ม และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน รวมอยู่ในหมวดหมู่เดียวกันและปรับปรุงให้เป็นปัจจุบัน รวมทั้งกำหนดให้สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญ และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2549
2. กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการเบิกจ่ายเงินเดือน เงินปี เงินประจำตำแหน่ง เงินเพิ่ม และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน ให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการเบิกจ่ายตามระบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) และสอดคล้องกับหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการเบิกจ่ายเงิน ตามโครงการจ่ายเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิรายบุคคลโดยตรง (โครงการจ่ายตรง) ทั้งนี้ ได้นำหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติตามที่กระทรวงการคลังและกรมบัญชีกลาง ได้มีหนังสือสั่งการหรือหนังสือแจ้งเวียนส่วนราชการเพื่อถือปฏิบัติมากำหนดไว้เป็นส่วนหนึ่งของระเบียบด้วย
กระทรวงการคลังรายงานว่า โดยที่รัฐบาลได้ตราพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญ และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2549 ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2549 เปลี่ยนแปลงวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินเดือนจากเดิมที่ต้องจัดทำเป็นบัญชีถือจ่ายและได้รับอนุมัติจากกรมบัญชีกลางก่อนจึงจะเบิกจ่ายได้ เปลี่ยนเป็นการจ่ายเงินเดือนให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กรมบัญชีกลางกำหนด เพื่อเป็นการ แก้ไขปัญหาความล่าช้าและขาดความคล่องตัวในการเบิกจ่ายเงิน ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงต้องกำหนดระเบียบรองรับเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวให้สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกา ฯ เพื่อให้การเบิกจ่ายเงินเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและไม่ก่อให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ และการปรับปรุงแก้ไขตามหลักการของร่างระเบียบเป็นการปรับปรุงและพัฒนากฎหมายของกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ประจำปี พ.ศ. 2549 จึงได้เสนอร่างระเบียบฯ ดังกล่าวมา เพื่อดำเนินการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 8 สิงหาคม 2549--จบ--