คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานการดำเนินงานด้านการป้องกันเอดส์ในกลุ่มเยาวชน สรุปได้ดังนี้
กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการจัดการประชุมเพื่อระดมสมองนักวิชาการที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานกับกลุ่มเยาวชนจากหน่วยงานภาครัฐ จำนวน 27 คน ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากกระทรวงศึกษาธิการ ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน สำนักส่งเสริมกิจการพิเศษ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต และผู้แทนจากกระทรวงสาธารณสุข ได้แก่ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขต 3 ผู้อำนวยการสำนักโรคเอดส์ วัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ผู้แทนจากกองอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย และนักวิชาการในสังกัดสำนักโรคเอดส์ วัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนการทำงานที่เกี่ยวข้องกับเยาวชนที่ผ่านมาและวางแนวทางการทำงานเกี่ยวกับเยาวชนในอนาคตข้างหน้า ได้ข้อสรุป ดังนี้
สถานการณ์ปัญหาเอดส์ในกลุ่มเยาวชน
ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของเอดส์มีการแพร่ระบาดไปสู่ครอบครัว และวัฒนธรรมทางเพศของเยาวชนเปลี่ยนไป เช่น ค่านิยมการมีกิ๊ก เยาวชนมองดูว่าเป็นเรื่องเท่ สื่อลามกที่แพร่สู่เยาวชนง่ายขึ้นและมากขึ้น โดยผู้ใหญ่เข้าไม่ถึงและตามไม่ทัน ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่สำรวจพบว่า มีการรับรู้เรื่องเพศจากสื่อลามกมากขึ้น เช่น จากหนังสือการ์ตูน ซีดี อินเทอร์เน็ต ข้อมูล พบว่าร้อยละ 70 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษารับรู้เรื่องเพศจากหนังสือการ์ตูน มากกว่าร้อยละ 50 รับรู้เรื่องเพศ จากซีดี อินเทอร์เน็ต ไม่ใช่แค่ความรักแต่เป็นการแสดงออกทางเพศอย่างชัดเจน
ตั้งแต่ พ.ศ. 2547 เป็นต้นมา สถานการณ์การติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีแนวโน้มมากขึ้น ในปี 2547 มีจำนวน 13,000 ราย ซึ่งเดิมมีแนวโน้มลดลงมาตลอด กลุ่มอายุ 15-24 ปี มีอัตราการป่วยเพิ่มมากขึ้นกว่า ร้อยละ 50 ถือว่าเป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งชี้ชัดว่า ถ้าไม่มีการทำงานที่จริงจัง จะมีการติดเชื้อเอชไอวีตามมาแน่นอนในกลุ่มเยาวชน
สถานการณ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ พบว่าประชากรกลุ่มอายุ 15-19 ปี พบสัดส่วนอัตราป่วย 53 ต่อ 1 แสนในเพศชาย และอัตราป่วย 38 ต่อ 1 แสนในเพศหญิง ในกลุ่มอายุ 20-24 ปี เพศชาย 55 ต่อ 1 แสน และเพศหญิง 59 ต่อ 1 แสน ซึ่งสูงและยังพบว่าอัตราป่วยสูงแต่มารับบริการน้อย รูปแบบการติดเชื้อมาจากการมีเพศสัมพันธ์เมื่ออายุน้อยลง มีคู่เพศสัมพันธ์มากขึ้น และเพศสัมพันธ์ในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น Bisexual, ชายรักชาย ทัศนะของการมีเพศสัมพันธ์เปลี่ยนไปโดยวัยรุ่นจะมองว่าการมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องธรรมดา อัตราการใช้ถุงยางอนามัยอยู่ในระดับต่ำ และขาดทักษะส่วนบุคคล เช่น การปฏิเสธ การแก้ไขปัญหา
ปัญหาจากการดำเนินงานเรื่องเพศศึกษา
1. ขาดการสนับสนุนจากระบบการทำงาน
2. ทัศนคติของครูผู้สอน มองว่าเรื่องเพศไม่ควรนำมาสอน จะเป็นการชี้โพรงให้กระรอก
3. พ่อแม่ ผู้ปกครองขาดเครื่องมือและการเรียนรู้เพื่อสื่อสารเรื่องเพศ
4. ขาดการทำงานเป็นเครือข่ายระหว่างหน่วยงานอื่น ๆ ที่รับผิดชอบเรื่องเยาวชน
5. ขาดการทำงานเชิงยุทธศาสตร์ วางการทำงานร่วมกัน
ปัญหาจากการดำเนินงานที่ผ่านมา ขาดการสรุปบทเรียน ว่าใครทำอะไรที่ไหน อย่างไร บทเรียนเป็นอย่างไร วิธีการคิดการทำงาน การศึกษาวิจัย ที่จะเติมในส่วนที่ขาด
ข้อเสนอจากที่ประชุม
1. ให้เร่งรัดการขยายโครงการที่มุ่งกลุ่มเยาวชน/วัยรุ่น ภายใน 2-3 ปี เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดเอดส์มากขึ้นและเกิดผลกระทบต่าง ๆ อีกมากมาย เช่น การเร่งรัดขยายผลหลักสูตรเพศศึกษาที่มีอยู่อาจต้องใช้เวลานานไม่ทันกับสถานการณ์ของเยาวชน ขอให้ทุกหน่วยงานมีการตั้งเป้าหมายในการขยายโครงการให้เร็วที่สุด
2. ควรมีการรณรงค์การสร้างความตระหนักในการป้องกันเอดส์ ที่ต่อเนื่อง เช่น การรณรงค์ในวันเอดส์โลก วันแห่งความรัก ไม่ควรเน้นเฉพาะเทศกาลเท่านั้น เนื่องจากเด็กรับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ไวมากกว่าจากสื่อภายนอก
3. การสร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกัน จากหน่วยงานที่มีความตั้งใจจริง เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ทิศทางการทำงานร่วมกัน เพิ่มพูนความรู้อย่างเป็นระบบมากขึ้น และให้การดูแลวัยรุ่น/เยาวชนที่ต่อเนื่อง เช่น การส่งต่อ การรักษา การทำงานอาจเชิญหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเยาวชนมาร่วมด้วย
ข้อเสนอเรื่องหลักสูตร ควรมีคณะทำงานเรื่องหลักสูตรโดยเฉพาะ โดยกระทรวงศึกษาธิการสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญทางด้านพฤติกรรมศาสตร์และทางด้านสังคมมาร่วมพิจารณา เพื่อให้เยาวชนเกิดความสนใจมากขึ้น การขยายผลในโรงเรียนเป็นบทบาทของกระทรวงศึกษาธิการ
ข้อเสนอในการตั้งคณะทำงาน ควรตั้งภายใต้คณะอนุกรรมการประสานแผน โดยมีอธิบดีกรมควบคุมโรคเป็นประธาน เพื่อให้การทำงานเร็วขึ้น
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
1. ควรที่จะมีการผลักดันในระดับนโยบายของรัฐบาล กระทรวงสาธารณสุขกับกระทรวงศึกษาธิการ ต้องมีการพูดคุยในระดับรัฐมนตรี เพื่อทราบทิศทางการแก้ปัญหาการทำงานในกลุ่มเด็กและเยาวชน
2. ทุกหน่วยงานจากกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุข เห็นความสำคัญ ที่จะต้องดำเนินกิจกรรม/โครงการเร่งด่วนในกลุ่มวัยรุ่น/เยาวชน เพราะฉะนั้นควรได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณที่เพียงพอและต่อเนื่อง
3. กระทรวงศึกษาธิการ ควรดำเนินงานในเรื่องการขยายผลหลักสูตรเพศศึกษาให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เนื่องจากผลการศึกษาพบว่าการสอนเพศศึกษาจะสามารถชะลออายุของการมีเพศสัมพันธ์ให้มากขึ้น
4. ต้องให้มีการตื่นตัวในเรื่องโรคเอดส์ประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม ไม่ใช่เฉพาะช่วงเทศกาล รวมทั้งควรมีการประเมินผลได้ผลมากน้อยแค่ไหน
5. การสร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกัน โดยจัดตั้งคณะทำงานเพื่อผลักดันให้เป็นรูปธรรม เช่น คณะทำงานด้านหลักสูตร คณะทำงานด้านบริการ และคณะทำงานด้านเครือข่าย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 7 มีนาคม 2549--จบ--
กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการจัดการประชุมเพื่อระดมสมองนักวิชาการที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานกับกลุ่มเยาวชนจากหน่วยงานภาครัฐ จำนวน 27 คน ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากกระทรวงศึกษาธิการ ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน สำนักส่งเสริมกิจการพิเศษ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต และผู้แทนจากกระทรวงสาธารณสุข ได้แก่ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขต 3 ผู้อำนวยการสำนักโรคเอดส์ วัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ผู้แทนจากกองอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย และนักวิชาการในสังกัดสำนักโรคเอดส์ วัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนการทำงานที่เกี่ยวข้องกับเยาวชนที่ผ่านมาและวางแนวทางการทำงานเกี่ยวกับเยาวชนในอนาคตข้างหน้า ได้ข้อสรุป ดังนี้
สถานการณ์ปัญหาเอดส์ในกลุ่มเยาวชน
ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของเอดส์มีการแพร่ระบาดไปสู่ครอบครัว และวัฒนธรรมทางเพศของเยาวชนเปลี่ยนไป เช่น ค่านิยมการมีกิ๊ก เยาวชนมองดูว่าเป็นเรื่องเท่ สื่อลามกที่แพร่สู่เยาวชนง่ายขึ้นและมากขึ้น โดยผู้ใหญ่เข้าไม่ถึงและตามไม่ทัน ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่สำรวจพบว่า มีการรับรู้เรื่องเพศจากสื่อลามกมากขึ้น เช่น จากหนังสือการ์ตูน ซีดี อินเทอร์เน็ต ข้อมูล พบว่าร้อยละ 70 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษารับรู้เรื่องเพศจากหนังสือการ์ตูน มากกว่าร้อยละ 50 รับรู้เรื่องเพศ จากซีดี อินเทอร์เน็ต ไม่ใช่แค่ความรักแต่เป็นการแสดงออกทางเพศอย่างชัดเจน
ตั้งแต่ พ.ศ. 2547 เป็นต้นมา สถานการณ์การติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีแนวโน้มมากขึ้น ในปี 2547 มีจำนวน 13,000 ราย ซึ่งเดิมมีแนวโน้มลดลงมาตลอด กลุ่มอายุ 15-24 ปี มีอัตราการป่วยเพิ่มมากขึ้นกว่า ร้อยละ 50 ถือว่าเป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งชี้ชัดว่า ถ้าไม่มีการทำงานที่จริงจัง จะมีการติดเชื้อเอชไอวีตามมาแน่นอนในกลุ่มเยาวชน
สถานการณ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ พบว่าประชากรกลุ่มอายุ 15-19 ปี พบสัดส่วนอัตราป่วย 53 ต่อ 1 แสนในเพศชาย และอัตราป่วย 38 ต่อ 1 แสนในเพศหญิง ในกลุ่มอายุ 20-24 ปี เพศชาย 55 ต่อ 1 แสน และเพศหญิง 59 ต่อ 1 แสน ซึ่งสูงและยังพบว่าอัตราป่วยสูงแต่มารับบริการน้อย รูปแบบการติดเชื้อมาจากการมีเพศสัมพันธ์เมื่ออายุน้อยลง มีคู่เพศสัมพันธ์มากขึ้น และเพศสัมพันธ์ในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น Bisexual, ชายรักชาย ทัศนะของการมีเพศสัมพันธ์เปลี่ยนไปโดยวัยรุ่นจะมองว่าการมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องธรรมดา อัตราการใช้ถุงยางอนามัยอยู่ในระดับต่ำ และขาดทักษะส่วนบุคคล เช่น การปฏิเสธ การแก้ไขปัญหา
ปัญหาจากการดำเนินงานเรื่องเพศศึกษา
1. ขาดการสนับสนุนจากระบบการทำงาน
2. ทัศนคติของครูผู้สอน มองว่าเรื่องเพศไม่ควรนำมาสอน จะเป็นการชี้โพรงให้กระรอก
3. พ่อแม่ ผู้ปกครองขาดเครื่องมือและการเรียนรู้เพื่อสื่อสารเรื่องเพศ
4. ขาดการทำงานเป็นเครือข่ายระหว่างหน่วยงานอื่น ๆ ที่รับผิดชอบเรื่องเยาวชน
5. ขาดการทำงานเชิงยุทธศาสตร์ วางการทำงานร่วมกัน
ปัญหาจากการดำเนินงานที่ผ่านมา ขาดการสรุปบทเรียน ว่าใครทำอะไรที่ไหน อย่างไร บทเรียนเป็นอย่างไร วิธีการคิดการทำงาน การศึกษาวิจัย ที่จะเติมในส่วนที่ขาด
ข้อเสนอจากที่ประชุม
1. ให้เร่งรัดการขยายโครงการที่มุ่งกลุ่มเยาวชน/วัยรุ่น ภายใน 2-3 ปี เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดเอดส์มากขึ้นและเกิดผลกระทบต่าง ๆ อีกมากมาย เช่น การเร่งรัดขยายผลหลักสูตรเพศศึกษาที่มีอยู่อาจต้องใช้เวลานานไม่ทันกับสถานการณ์ของเยาวชน ขอให้ทุกหน่วยงานมีการตั้งเป้าหมายในการขยายโครงการให้เร็วที่สุด
2. ควรมีการรณรงค์การสร้างความตระหนักในการป้องกันเอดส์ ที่ต่อเนื่อง เช่น การรณรงค์ในวันเอดส์โลก วันแห่งความรัก ไม่ควรเน้นเฉพาะเทศกาลเท่านั้น เนื่องจากเด็กรับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ไวมากกว่าจากสื่อภายนอก
3. การสร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกัน จากหน่วยงานที่มีความตั้งใจจริง เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ทิศทางการทำงานร่วมกัน เพิ่มพูนความรู้อย่างเป็นระบบมากขึ้น และให้การดูแลวัยรุ่น/เยาวชนที่ต่อเนื่อง เช่น การส่งต่อ การรักษา การทำงานอาจเชิญหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเยาวชนมาร่วมด้วย
ข้อเสนอเรื่องหลักสูตร ควรมีคณะทำงานเรื่องหลักสูตรโดยเฉพาะ โดยกระทรวงศึกษาธิการสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญทางด้านพฤติกรรมศาสตร์และทางด้านสังคมมาร่วมพิจารณา เพื่อให้เยาวชนเกิดความสนใจมากขึ้น การขยายผลในโรงเรียนเป็นบทบาทของกระทรวงศึกษาธิการ
ข้อเสนอในการตั้งคณะทำงาน ควรตั้งภายใต้คณะอนุกรรมการประสานแผน โดยมีอธิบดีกรมควบคุมโรคเป็นประธาน เพื่อให้การทำงานเร็วขึ้น
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
1. ควรที่จะมีการผลักดันในระดับนโยบายของรัฐบาล กระทรวงสาธารณสุขกับกระทรวงศึกษาธิการ ต้องมีการพูดคุยในระดับรัฐมนตรี เพื่อทราบทิศทางการแก้ปัญหาการทำงานในกลุ่มเด็กและเยาวชน
2. ทุกหน่วยงานจากกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุข เห็นความสำคัญ ที่จะต้องดำเนินกิจกรรม/โครงการเร่งด่วนในกลุ่มวัยรุ่น/เยาวชน เพราะฉะนั้นควรได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณที่เพียงพอและต่อเนื่อง
3. กระทรวงศึกษาธิการ ควรดำเนินงานในเรื่องการขยายผลหลักสูตรเพศศึกษาให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เนื่องจากผลการศึกษาพบว่าการสอนเพศศึกษาจะสามารถชะลออายุของการมีเพศสัมพันธ์ให้มากขึ้น
4. ต้องให้มีการตื่นตัวในเรื่องโรคเอดส์ประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม ไม่ใช่เฉพาะช่วงเทศกาล รวมทั้งควรมีการประเมินผลได้ผลมากน้อยแค่ไหน
5. การสร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกัน โดยจัดตั้งคณะทำงานเพื่อผลักดันให้เป็นรูปธรรม เช่น คณะทำงานด้านหลักสูตร คณะทำงานด้านบริการ และคณะทำงานด้านเครือข่าย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 7 มีนาคม 2549--จบ--