คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รายงานสถานการณ์ในช่วงฤดูแล้งปี 2549 และแผนการช่วยเหลือ (ช่วงวันที่
10-16 มีนาคม 2549) สรุปได้ดังนี้
1. สถานการณ์
1.1 ปริมาณน้ำฝน ช่วงวันที่ 9-15 มีนาคม 2549
ตามที่สภาวะอากาศในช่วงนี้มีความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของ
ประเทศไทย ทำให้มีฝนตกเล็กน้อย-ปานกลาง และหนักมากใน 42 จังหวัด โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือปริมาณฝนสูงสุด
เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2549 จังหวัดบุรีรัมย์ วัดได้ 100.3 ม.ม. และภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีปริมาณฝนสูงสุดเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2549
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วัดได้ 134.7 ม.ม.
1.2 สถานการณ์น้ำ
สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ณ วันที่ 16 มีนาคม 2549 มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ ทั้งหมด 48,520 ล้าน
ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 71 ของความจุอ่างฯ ปริมาณน้ำมากกว่าปี 2548 (40,916 ล้าน ลบ.ม.)จำนวน 7,604 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ
19 ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยมีอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาตรน้ำในอ่างฯอยู่ในเกณฑ์น้อย ที่ต้องเฝ้าระวังและติดตาม จำนวน 4 อ่างฯ คือ อุบลรัตน์
ลำนางรอง ทับเสลา และบางพระ ซึ่งได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ชี้แจงให้เกษตรกรงดการปลูกข้าวนาปรังครั้งที่ 2 และขอให้ปลูกพืชใช้น้ำน้อย
เพื่อเป็นการประหยัดน้ำ
1.3 การปลูกพืชฤดูแล้ง
ตามที่ได้กำหนดนโยบาย มาตรการและพื้นที่เพาะปลูกพืชฤดูแล้ง จำนวน 10.44 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าวนาปรัง 7.78
ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 2.66 ล้านไร่ ณ วันที่ 15 มีนาคม 2549 มีผลการเพาะปลูกแล้วจำนวน 11.47 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าวนาปรัง
9.23 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 2.23 ล้านไร่ รายละเอียดดังนี้
เขต เป้าหมาย (ไร่) ปลูกแล้ว(ไร่) คาดว่าจะปลูกถึงสิ้นฤดู(ไร่)
นาปรัง พืชไร่-พืชผัก รวม นาปรัง พืชไร่-พืชผัก รวม นาปรัง พืชไร่-พืชผัก รวม
ใน 5,839,200 875,900 6,715,100 6,797,620 570,108 7,367,728 7,370,000 875,900 8,245,900
นอก 1,936,900 1,788,500 3,725,400 2,435,544 1,661,991 4,097,915 2,100,000 1,788,500 3,888,500
รวม 7,776,100 2,664,400 10,440,500 9,233,164 2,232,099 11,465,643 9,470,000 2,664,400 12,134,400
ที่มา : กรมชลประทานและกรมส่งเสริมการเกษตร ณ วันที่ 15 มีนาคม 2549
1.4 ผลกระทบจากภัยแล้ง
ด้านพืช ช่วงวันที่ 1 ธันวาคม 2548 — 14 มีนาคม 2549 พื้นที่การเกษตรนอกเขตชลประทาน ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง
จำนวน 15 จังหวัด 33 อำเภอ 129 ตำบล 934 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ พิจิตร พิษณุโลก แพร่ ลำปาง สุโขทัย นครพนม ยโสธร เลย
หนองบัวลำภู สิงห์บุรี จันทบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุพรรณบุรี และพังงา เกษตรกร 72,259 ราย พื้นที่ 440,370.50 ไร่ แยกเป็น ข้าว จำนวน
189,290 ไร่ พืชไร่ จำนวน 119,571.50 ไร่ พืชสวนและอื่นๆ จำนวน 131,510 ไร่
ด้านประมง ช่วงวันที่ 9 - 14 กุมภาพันธ์ 2549 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 2 จังหวัด เนื่องจากปริมาณน้ำน้อยทำให้
ออกซิเจนในน้ำไม่เพียงพอสำหรับสัตว์น้ำ ได้แก่ จ.มหาสารคาม และ จ.เลย เกษตรกรได้รับผลกระทบ 36 ราย คิดเป็นพื้นที่ 1,726 ตรม.
184 กระชัง
ด้านปศุสัตว์ ยังไม่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง
2. การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้ดำเนินการในช่วงวันที่ 10-16 มีนาคม 2549
2.1 การปฏิบัติการฝนหลวง
ดำเนินการช่วยเหลือจังหวัดที่ประสบภัยแล้งเป็นการเร่งด่วน โดยหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจำนวน 9 หน่วย (จังหวัดเชียงใหม่
พิษณุโลก นครสวรรค์ อุดรธานี นครราชสีมา ระยอง จันทบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และสุราษฎร์ธานี) และ 1 ฐานเติมสารฝนหลวง (จังหวัดภูเก็ต)
ตั้งแต่วันที่ 10-16 มีนาคม 2549 ขึ้นปฏิบัติการรวม 172 เที่ยวบิน มีปริมาณฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลาง วัดได้ ณ สถานีวัดฝนกรมอุตุนิยมวิทยาและ
หน่วยงานอื่นๆ จำนวน 118 สถานี (จากจำนวนสถานีวัดฝนทั้งสิ้นจำนวน 378 สถานี) ใน 15 จังหวัด ได้แก่ จ.ลำปาง พิษณุโลก นครสวรรค์
พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี เลย อุดรธานี นครราชสีมา บุรีรัมย์ อำนาจเจริญ ระยอง ตราด ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี และสุราษฏร์ธานี
ทำให้มีน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำเป้าหมายที่มีน้ำน้อยรวม 8 อ่าง ได้แก่ เขื่อนกระเสียว เขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนมูลบน เขื่อนลำแซะ เขื่อนลำตะคอง
เขื่อนลำนางรอง เขื่อนบางพระ เขื่อนหนองปลาไหล ปริมาณน้ำไหลลงอ่างทั้งสิ้น 19.5 ล้าน ลบ.ม.
2.2 การจัดสรรน้ำและสนับสนุนเครื่องสูบน้ำและรถยนต์บรรทุกน้ำ
1) กรมชลประทานได้ระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ (31 อ่างฯ) ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2548 ถึง
16 มีนาคม 2549 จำนวน 12,435 ล้าน ลบ.ม. สนับสนุนเกษตรกรปลูกพืชฤดูแล้งปี 2549 ในเขต ชลประทาน จำนวน 10.13 ล้านไร่ แยกเป็น
ข้าวนาปรัง 6.77 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 0.57 ล้านไร่ และพืชอื่นๆ 2.79 ล้านไร่
2) สนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ช่วยเหลือการปลูกพืชฤดูแล้ง การอุปโภค บริโภค ทั่วประเทศ ทั้งในเขตและนอกเขต
ชลประทาน แล้ว จำนวน 858 เครื่อง แบ่งเป็น
- ในเขตชลประทาน 665 เครื่อง ช่วยเหลือนาปรังได้ 329,104 ไร่ พืชไร่ 35,640 ไร่
- นอกเขตชลประทาน 193 เครื่อง ช่วยเหลือนาปรังได้ 42,874 ไร่ พืชไร่ 9,987 ไร่
โดยแยกเป็นภาคเหนือ ภาคเหนือ 235 เครื่อง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 297 เครื่อง ภาคกลาง 173 เครื่อง
ภาคตะวันออก 68 เครื่อง ภาคตะวันตก 49 เครื่อง และภาคใต้ 37 เครื่อง และได้ส่งรถยนต์บรรทุกน้ำไปช่วยเหลือรวมจำนวน 64 คัน
โดยแยกเป็นภาคเหนือ 5 คัน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 คัน และภาคตะวันออก 55 คัน
2.3 การจัดทำโครงการก่อสร้างทำนบชั่วคราวและโครงการแก้มลิง ดังนี้
1) จังหวัดแพร่ จัดทำกั้นกระสอบทรายในแม่น้ำยม จำนวน 40 แห่ง และในลำน้ำสาขาต่างๆ จำนวน 912 แห่ง และ
ฝายต้นน้ำ จำนวน 1,191 แห่ง
2) จังหวัดมุกดาหาร จัดทำโครงการก่อสร้างทำนบชั่วคราว จำนวน 10 โครงการ พื้นที่รับประโยชน์ จำนวน 630 ไร่
เก็บน้ำได้ จำนวน 1.05 ล้าน ลบ.ม.
3) จังหวัดนครพนม จัดทำโครงการก่อสร้างทำนบชั่วคราว จำนวน 58 แห่ง พื้นที่รับประโยชน์ 7,999 ไร่ เก็บน้ำได้
8.01 ล้าน ลบ.ม. และโครงการก่อสร้างแก้มลิง จำนวน 12 โครงการ พื้นที่รับประโยชน์ 3,200 ไร่ เก็บน้ำได้ 20.57 ล้าน ลบ.ม.
2.4 การติดตามสถานการณ์และประชาสัมพันธ์ ให้คำแนะนำและส่งเสริมการปลูกพืชไร่ — พืชผักใช้น้ำน้อย การรณรงค์ให้
เกษตรกรลดการปลูกข้าวนาปรัง ครั้งที่ 2 การควบคุมปริมาณสัตว์น้ำให้หนาแน่นน้อยกว่าปกติ หรือให้งดการเลี้ยงในพื้นที่เสี่ยง โดยให้ทำการตากบ่อ
และตกแต่งบ่อเลี้ยงแทน เพื่อเตรียมการเพาะเลี้ยงในรอบต่อไป ด้านปศุสัตว์ดำเนินการดูแลสุขภาพสัตว์และรักษาสัตว์ป่วย รวมถึงการป้องกัน
โรคระบาดสัตว์ โดยการเก็บตัวอย่าง เพื่อตรวจวินิจฉัยและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคโดยเร็วที่สุด
2.5 ผลการให้ความช่วยเหลือพื้นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากภัยแล้งช่วงวันที่ 3-9 มีนาคม 2549 มีพื้นที่การเกษตรซึ่งคาดว่า
จะได้รับผลกระทบลดลง 49,713.50 ไร่ ใน 6 จังหวัด คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ 34,450,812 บาท
3. แผนการช่วยเหลือระหว่างวันที่ 17-23 มีนาคม 2549
3.1 การปฏิบัติการฝนหลวง
โดยเน้นเพิ่มปริมาณน้ำให้อ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำน้อย จำนวน 11 อ่าง ได้แก่ ภาคกลาง อ่างฯทับเสลา และกระเสียว ,
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อ่างฯอุบลรัตน์,มูลบน,ลำแซะ,ลำตะคอง และลำนางรอง ภาคตะวันออก อ่างฯบางพระ,ดอกกราย และหนองปลาไหล
และภาคใต้ อ่างฯบางวาด และสร้างความชุ่มชื้นให้พื้นที่เกษตรกรรมในช่วงฤดูแล้ง โดยเริ่มจากลุ่มน้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ และ
ขยายพื้นที่ช่วยเหลือไปบริเวณลุ่มน้ำและภาคอื่นๆ ตามความเหมาะสมของสภาพอากาศ โดยมีเป้าหมายช่วยเหลือการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง และ
ลดการใช้น้ำในเขื่อนต่างๆ ซึ่งได้กำหนดแผนปฏิบัติของหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงระหว่างวันที่ 17-23 มีนาคม 2549 ดังนี้
แผนปฏิบัติการฝนหลวงในช่วงสัปดาห์หน้า (วันที่ 17-23 มีนาคม 2549)
หน่วยปฏิบัติจังหวัด แผนปฏิบัติงาน
เชียงใหม่ 1.เพื่อช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกบริเวณตอนล่างจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และตาก(ตอนบน)
2.เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับป่าไม้เพื่อลดความรุนแรงของไฟป่าในจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง
พิษณุโลก 1.เพื่อช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกบริเวณอำเภอพรหมพิราม อำเภอวัดโบสถ์ อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก
2.เพิ่มปริมาณน้ำให้อ่างเก็บน้ำ ห้วยขอนแก่น ห้วยป่าแดง คลองเฉลียงลับ จังหวัดเพชรบูรณ์
นครสวรรค์ 1.เพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรรวม 10 จังหวัด คือ จังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี อุทัยธานี สุพรรณบุรี ชัยนาท
สิงห์บุรี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี อ่างทอง และเพชรบูรณ์(ตอนล่าง)
2.เพิ่มปริมาณให้น้ำเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อ่างเก็บน้ำทับเสลาและอ่างเก็บน้ำกระเสียว วันขึ้นบิน
ปฏิบัติการและจำนวนเที่ยวบิน(โดยประมาณ) คือ จะมีการขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงประมาณ 4 วัน
อุดรธานี เพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ป่าไม้ จังหวัดเลย ชัยภูมิ(ตอนบน) ขอนแก่น หนองบัวลำภู อุดรธานี และ
หนองคาย
นครราชสีมา เพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จังหวัดชัยภูมิ(ตอนล่าง) นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ
ศรีสะเกษ และยโสธร
ระยอง 1.เพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรบริเวณอำเภอเมือง วังจันทร์ ปลวกแดง บ้านค่าย นิคมพัฒนา และบ้านฉาง
จังหวัดระยอง อำเภอเมือง หนองใหญ่ บ้านบึง ศรีราชา บางละมุง บ่อทอง จังหวัดชลบุรี
2.เพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำในเขตพื้นที่จังหวัดชลบุรี และระยอง (ได้แก่ อ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ หนองปลาไหล
ประแสร์ ดอกกราย บางพระ มาบประชัน หนองกลางดง และหนองค้อ)
จันทบุรี เพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรในบริเวณอำเภอเมือง นายายอาม สอยดาว โป่งน้ำร้อน เขาคิชฌกูฎ ท่าใหม่ ขลุง
แก่งหางแมว แหลมสิงห์ และมะขาม จังหวัดจันทบุรี
หัวหิน ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและเพิ่มน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี และราชบุรี
ประจวบคีรีขันธ์
สุราษฎร์ธานี เพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร และเพิ่มปริมาณน้ำให้กับพื้นที่จังหวัดพังงา กระบี่ และภูเก็ต (อ่างบางวาด)
3.2 การจัดทำโครงการปลูกพืชปรับปรุงบำรุงดินด้วยปุ๋ยพืชสดแทนการปลูกข้าวนาปรังครั้งที่ 2 ใน 75 จังหวัด พื้นที่ 921,025 ไร่
3.3 การจัดทำโครงการฝึกอบรม ส่งเสริมอาชีพระยะสั้น โครงการนาหญ้าฯ โครงการผลิตกล้าพันธุ์และท่อนพันธุ์พืชอาหารสัตว์
เพื่อทดแทนการขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ เพื่อเสริมรายได้ให้กับเกษตรกรในช่วงฤดูแล้ง จำนวน 226 กลุ่ม ใน 43 จังหวัด พื้นที่เพาะปลูก 29,395 ไร่
3.4 การสำรองปัจจัยการผลิต เมล็ดพันธุ์ เสบียงอาหารสัตว์ และพันธุ์สัตว์น้ำ ให้กับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง
4. การแก้ไขปัญหาระยะยาวด้านชลประทาน
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดทำโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเรื่องน้ำเร่งด่วนในการจัดหาน้ำสะอาดเพื่อการ
อุปโภคบริโภค การพัฒนาแหล่งน้ำขนาดกลางและขนาดเล็ก และการปรับปรุงแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อให้เก็บกักน้ำได้สูงสุดในโครงการลงทุน
ด้านทรัพยากรน้ำระยะเร่งด่วนปี 2549 (เพิ่มเติม) ภายใต้กรอบโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ (Mega Project) ด้านทรัพยากรน้ำ
ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบในการประชุม เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2548 และผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรอง
โครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ กระทรวงการคลัง และได้เสนอสำนักงบประมาณแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการ
พิจารณาค่าใช้จ่ายเพื่อปรับกลยุทธ์และรองรับการเปลี่ยนแปลง (27,200 ล้านบาท)ทั้งนี้ หากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับการจัดสรร
งบประมาณให้ดำเนินโครงการแล้ว จะมีพื้นที่การเกษตรได้รับประโยชน์ 1.23 ล้านไร่ มีน้ำใช้เพื่ออุปโภคบริโภค และการเกษตรไม่น้อยกว่า
1,500 ล้าน ลบ.ม. โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำของลุ่มน้ำมูลตอนบนและโครงการผันน้ำ ภาคตะวันออก
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 21 มีนาคม 2549--จบ--
10-16 มีนาคม 2549) สรุปได้ดังนี้
1. สถานการณ์
1.1 ปริมาณน้ำฝน ช่วงวันที่ 9-15 มีนาคม 2549
ตามที่สภาวะอากาศในช่วงนี้มีความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของ
ประเทศไทย ทำให้มีฝนตกเล็กน้อย-ปานกลาง และหนักมากใน 42 จังหวัด โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือปริมาณฝนสูงสุด
เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2549 จังหวัดบุรีรัมย์ วัดได้ 100.3 ม.ม. และภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีปริมาณฝนสูงสุดเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2549
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วัดได้ 134.7 ม.ม.
1.2 สถานการณ์น้ำ
สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ณ วันที่ 16 มีนาคม 2549 มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ ทั้งหมด 48,520 ล้าน
ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 71 ของความจุอ่างฯ ปริมาณน้ำมากกว่าปี 2548 (40,916 ล้าน ลบ.ม.)จำนวน 7,604 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ
19 ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยมีอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาตรน้ำในอ่างฯอยู่ในเกณฑ์น้อย ที่ต้องเฝ้าระวังและติดตาม จำนวน 4 อ่างฯ คือ อุบลรัตน์
ลำนางรอง ทับเสลา และบางพระ ซึ่งได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ชี้แจงให้เกษตรกรงดการปลูกข้าวนาปรังครั้งที่ 2 และขอให้ปลูกพืชใช้น้ำน้อย
เพื่อเป็นการประหยัดน้ำ
1.3 การปลูกพืชฤดูแล้ง
ตามที่ได้กำหนดนโยบาย มาตรการและพื้นที่เพาะปลูกพืชฤดูแล้ง จำนวน 10.44 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าวนาปรัง 7.78
ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 2.66 ล้านไร่ ณ วันที่ 15 มีนาคม 2549 มีผลการเพาะปลูกแล้วจำนวน 11.47 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าวนาปรัง
9.23 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 2.23 ล้านไร่ รายละเอียดดังนี้
เขต เป้าหมาย (ไร่) ปลูกแล้ว(ไร่) คาดว่าจะปลูกถึงสิ้นฤดู(ไร่)
นาปรัง พืชไร่-พืชผัก รวม นาปรัง พืชไร่-พืชผัก รวม นาปรัง พืชไร่-พืชผัก รวม
ใน 5,839,200 875,900 6,715,100 6,797,620 570,108 7,367,728 7,370,000 875,900 8,245,900
นอก 1,936,900 1,788,500 3,725,400 2,435,544 1,661,991 4,097,915 2,100,000 1,788,500 3,888,500
รวม 7,776,100 2,664,400 10,440,500 9,233,164 2,232,099 11,465,643 9,470,000 2,664,400 12,134,400
ที่มา : กรมชลประทานและกรมส่งเสริมการเกษตร ณ วันที่ 15 มีนาคม 2549
1.4 ผลกระทบจากภัยแล้ง
ด้านพืช ช่วงวันที่ 1 ธันวาคม 2548 — 14 มีนาคม 2549 พื้นที่การเกษตรนอกเขตชลประทาน ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง
จำนวน 15 จังหวัด 33 อำเภอ 129 ตำบล 934 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ พิจิตร พิษณุโลก แพร่ ลำปาง สุโขทัย นครพนม ยโสธร เลย
หนองบัวลำภู สิงห์บุรี จันทบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุพรรณบุรี และพังงา เกษตรกร 72,259 ราย พื้นที่ 440,370.50 ไร่ แยกเป็น ข้าว จำนวน
189,290 ไร่ พืชไร่ จำนวน 119,571.50 ไร่ พืชสวนและอื่นๆ จำนวน 131,510 ไร่
ด้านประมง ช่วงวันที่ 9 - 14 กุมภาพันธ์ 2549 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 2 จังหวัด เนื่องจากปริมาณน้ำน้อยทำให้
ออกซิเจนในน้ำไม่เพียงพอสำหรับสัตว์น้ำ ได้แก่ จ.มหาสารคาม และ จ.เลย เกษตรกรได้รับผลกระทบ 36 ราย คิดเป็นพื้นที่ 1,726 ตรม.
184 กระชัง
ด้านปศุสัตว์ ยังไม่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง
2. การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้ดำเนินการในช่วงวันที่ 10-16 มีนาคม 2549
2.1 การปฏิบัติการฝนหลวง
ดำเนินการช่วยเหลือจังหวัดที่ประสบภัยแล้งเป็นการเร่งด่วน โดยหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจำนวน 9 หน่วย (จังหวัดเชียงใหม่
พิษณุโลก นครสวรรค์ อุดรธานี นครราชสีมา ระยอง จันทบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และสุราษฎร์ธานี) และ 1 ฐานเติมสารฝนหลวง (จังหวัดภูเก็ต)
ตั้งแต่วันที่ 10-16 มีนาคม 2549 ขึ้นปฏิบัติการรวม 172 เที่ยวบิน มีปริมาณฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลาง วัดได้ ณ สถานีวัดฝนกรมอุตุนิยมวิทยาและ
หน่วยงานอื่นๆ จำนวน 118 สถานี (จากจำนวนสถานีวัดฝนทั้งสิ้นจำนวน 378 สถานี) ใน 15 จังหวัด ได้แก่ จ.ลำปาง พิษณุโลก นครสวรรค์
พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี เลย อุดรธานี นครราชสีมา บุรีรัมย์ อำนาจเจริญ ระยอง ตราด ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี และสุราษฏร์ธานี
ทำให้มีน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำเป้าหมายที่มีน้ำน้อยรวม 8 อ่าง ได้แก่ เขื่อนกระเสียว เขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนมูลบน เขื่อนลำแซะ เขื่อนลำตะคอง
เขื่อนลำนางรอง เขื่อนบางพระ เขื่อนหนองปลาไหล ปริมาณน้ำไหลลงอ่างทั้งสิ้น 19.5 ล้าน ลบ.ม.
2.2 การจัดสรรน้ำและสนับสนุนเครื่องสูบน้ำและรถยนต์บรรทุกน้ำ
1) กรมชลประทานได้ระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ (31 อ่างฯ) ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2548 ถึง
16 มีนาคม 2549 จำนวน 12,435 ล้าน ลบ.ม. สนับสนุนเกษตรกรปลูกพืชฤดูแล้งปี 2549 ในเขต ชลประทาน จำนวน 10.13 ล้านไร่ แยกเป็น
ข้าวนาปรัง 6.77 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 0.57 ล้านไร่ และพืชอื่นๆ 2.79 ล้านไร่
2) สนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ช่วยเหลือการปลูกพืชฤดูแล้ง การอุปโภค บริโภค ทั่วประเทศ ทั้งในเขตและนอกเขต
ชลประทาน แล้ว จำนวน 858 เครื่อง แบ่งเป็น
- ในเขตชลประทาน 665 เครื่อง ช่วยเหลือนาปรังได้ 329,104 ไร่ พืชไร่ 35,640 ไร่
- นอกเขตชลประทาน 193 เครื่อง ช่วยเหลือนาปรังได้ 42,874 ไร่ พืชไร่ 9,987 ไร่
โดยแยกเป็นภาคเหนือ ภาคเหนือ 235 เครื่อง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 297 เครื่อง ภาคกลาง 173 เครื่อง
ภาคตะวันออก 68 เครื่อง ภาคตะวันตก 49 เครื่อง และภาคใต้ 37 เครื่อง และได้ส่งรถยนต์บรรทุกน้ำไปช่วยเหลือรวมจำนวน 64 คัน
โดยแยกเป็นภาคเหนือ 5 คัน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 คัน และภาคตะวันออก 55 คัน
2.3 การจัดทำโครงการก่อสร้างทำนบชั่วคราวและโครงการแก้มลิง ดังนี้
1) จังหวัดแพร่ จัดทำกั้นกระสอบทรายในแม่น้ำยม จำนวน 40 แห่ง และในลำน้ำสาขาต่างๆ จำนวน 912 แห่ง และ
ฝายต้นน้ำ จำนวน 1,191 แห่ง
2) จังหวัดมุกดาหาร จัดทำโครงการก่อสร้างทำนบชั่วคราว จำนวน 10 โครงการ พื้นที่รับประโยชน์ จำนวน 630 ไร่
เก็บน้ำได้ จำนวน 1.05 ล้าน ลบ.ม.
3) จังหวัดนครพนม จัดทำโครงการก่อสร้างทำนบชั่วคราว จำนวน 58 แห่ง พื้นที่รับประโยชน์ 7,999 ไร่ เก็บน้ำได้
8.01 ล้าน ลบ.ม. และโครงการก่อสร้างแก้มลิง จำนวน 12 โครงการ พื้นที่รับประโยชน์ 3,200 ไร่ เก็บน้ำได้ 20.57 ล้าน ลบ.ม.
2.4 การติดตามสถานการณ์และประชาสัมพันธ์ ให้คำแนะนำและส่งเสริมการปลูกพืชไร่ — พืชผักใช้น้ำน้อย การรณรงค์ให้
เกษตรกรลดการปลูกข้าวนาปรัง ครั้งที่ 2 การควบคุมปริมาณสัตว์น้ำให้หนาแน่นน้อยกว่าปกติ หรือให้งดการเลี้ยงในพื้นที่เสี่ยง โดยให้ทำการตากบ่อ
และตกแต่งบ่อเลี้ยงแทน เพื่อเตรียมการเพาะเลี้ยงในรอบต่อไป ด้านปศุสัตว์ดำเนินการดูแลสุขภาพสัตว์และรักษาสัตว์ป่วย รวมถึงการป้องกัน
โรคระบาดสัตว์ โดยการเก็บตัวอย่าง เพื่อตรวจวินิจฉัยและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคโดยเร็วที่สุด
2.5 ผลการให้ความช่วยเหลือพื้นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากภัยแล้งช่วงวันที่ 3-9 มีนาคม 2549 มีพื้นที่การเกษตรซึ่งคาดว่า
จะได้รับผลกระทบลดลง 49,713.50 ไร่ ใน 6 จังหวัด คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ 34,450,812 บาท
3. แผนการช่วยเหลือระหว่างวันที่ 17-23 มีนาคม 2549
3.1 การปฏิบัติการฝนหลวง
โดยเน้นเพิ่มปริมาณน้ำให้อ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำน้อย จำนวน 11 อ่าง ได้แก่ ภาคกลาง อ่างฯทับเสลา และกระเสียว ,
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อ่างฯอุบลรัตน์,มูลบน,ลำแซะ,ลำตะคอง และลำนางรอง ภาคตะวันออก อ่างฯบางพระ,ดอกกราย และหนองปลาไหล
และภาคใต้ อ่างฯบางวาด และสร้างความชุ่มชื้นให้พื้นที่เกษตรกรรมในช่วงฤดูแล้ง โดยเริ่มจากลุ่มน้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ และ
ขยายพื้นที่ช่วยเหลือไปบริเวณลุ่มน้ำและภาคอื่นๆ ตามความเหมาะสมของสภาพอากาศ โดยมีเป้าหมายช่วยเหลือการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง และ
ลดการใช้น้ำในเขื่อนต่างๆ ซึ่งได้กำหนดแผนปฏิบัติของหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงระหว่างวันที่ 17-23 มีนาคม 2549 ดังนี้
แผนปฏิบัติการฝนหลวงในช่วงสัปดาห์หน้า (วันที่ 17-23 มีนาคม 2549)
หน่วยปฏิบัติจังหวัด แผนปฏิบัติงาน
เชียงใหม่ 1.เพื่อช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกบริเวณตอนล่างจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และตาก(ตอนบน)
2.เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับป่าไม้เพื่อลดความรุนแรงของไฟป่าในจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง
พิษณุโลก 1.เพื่อช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกบริเวณอำเภอพรหมพิราม อำเภอวัดโบสถ์ อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก
2.เพิ่มปริมาณน้ำให้อ่างเก็บน้ำ ห้วยขอนแก่น ห้วยป่าแดง คลองเฉลียงลับ จังหวัดเพชรบูรณ์
นครสวรรค์ 1.เพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรรวม 10 จังหวัด คือ จังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี อุทัยธานี สุพรรณบุรี ชัยนาท
สิงห์บุรี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี อ่างทอง และเพชรบูรณ์(ตอนล่าง)
2.เพิ่มปริมาณให้น้ำเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อ่างเก็บน้ำทับเสลาและอ่างเก็บน้ำกระเสียว วันขึ้นบิน
ปฏิบัติการและจำนวนเที่ยวบิน(โดยประมาณ) คือ จะมีการขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงประมาณ 4 วัน
อุดรธานี เพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ป่าไม้ จังหวัดเลย ชัยภูมิ(ตอนบน) ขอนแก่น หนองบัวลำภู อุดรธานี และ
หนองคาย
นครราชสีมา เพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จังหวัดชัยภูมิ(ตอนล่าง) นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ
ศรีสะเกษ และยโสธร
ระยอง 1.เพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรบริเวณอำเภอเมือง วังจันทร์ ปลวกแดง บ้านค่าย นิคมพัฒนา และบ้านฉาง
จังหวัดระยอง อำเภอเมือง หนองใหญ่ บ้านบึง ศรีราชา บางละมุง บ่อทอง จังหวัดชลบุรี
2.เพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำในเขตพื้นที่จังหวัดชลบุรี และระยอง (ได้แก่ อ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ หนองปลาไหล
ประแสร์ ดอกกราย บางพระ มาบประชัน หนองกลางดง และหนองค้อ)
จันทบุรี เพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรในบริเวณอำเภอเมือง นายายอาม สอยดาว โป่งน้ำร้อน เขาคิชฌกูฎ ท่าใหม่ ขลุง
แก่งหางแมว แหลมสิงห์ และมะขาม จังหวัดจันทบุรี
หัวหิน ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและเพิ่มน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี และราชบุรี
ประจวบคีรีขันธ์
สุราษฎร์ธานี เพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร และเพิ่มปริมาณน้ำให้กับพื้นที่จังหวัดพังงา กระบี่ และภูเก็ต (อ่างบางวาด)
3.2 การจัดทำโครงการปลูกพืชปรับปรุงบำรุงดินด้วยปุ๋ยพืชสดแทนการปลูกข้าวนาปรังครั้งที่ 2 ใน 75 จังหวัด พื้นที่ 921,025 ไร่
3.3 การจัดทำโครงการฝึกอบรม ส่งเสริมอาชีพระยะสั้น โครงการนาหญ้าฯ โครงการผลิตกล้าพันธุ์และท่อนพันธุ์พืชอาหารสัตว์
เพื่อทดแทนการขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ เพื่อเสริมรายได้ให้กับเกษตรกรในช่วงฤดูแล้ง จำนวน 226 กลุ่ม ใน 43 จังหวัด พื้นที่เพาะปลูก 29,395 ไร่
3.4 การสำรองปัจจัยการผลิต เมล็ดพันธุ์ เสบียงอาหารสัตว์ และพันธุ์สัตว์น้ำ ให้กับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง
4. การแก้ไขปัญหาระยะยาวด้านชลประทาน
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดทำโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเรื่องน้ำเร่งด่วนในการจัดหาน้ำสะอาดเพื่อการ
อุปโภคบริโภค การพัฒนาแหล่งน้ำขนาดกลางและขนาดเล็ก และการปรับปรุงแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อให้เก็บกักน้ำได้สูงสุดในโครงการลงทุน
ด้านทรัพยากรน้ำระยะเร่งด่วนปี 2549 (เพิ่มเติม) ภายใต้กรอบโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ (Mega Project) ด้านทรัพยากรน้ำ
ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบในการประชุม เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2548 และผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรอง
โครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ กระทรวงการคลัง และได้เสนอสำนักงบประมาณแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการ
พิจารณาค่าใช้จ่ายเพื่อปรับกลยุทธ์และรองรับการเปลี่ยนแปลง (27,200 ล้านบาท)ทั้งนี้ หากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับการจัดสรร
งบประมาณให้ดำเนินโครงการแล้ว จะมีพื้นที่การเกษตรได้รับประโยชน์ 1.23 ล้านไร่ มีน้ำใช้เพื่ออุปโภคบริโภค และการเกษตรไม่น้อยกว่า
1,500 ล้าน ลบ.ม. โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำของลุ่มน้ำมูลตอนบนและโครงการผันน้ำ ภาคตะวันออก
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 21 มีนาคม 2549--จบ--