คณะรัฐมนตรีพิจารณาเรื่องการขอความร่วมมือในการส่งเสริมและสนับสนุนการจ้างนักเรียน นักศึกษาทำงานเพื่อมีรายได้เสริมระหว่างเรียน ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ แล้วมีมติดังนี้
1. รับทราบผลการดำเนินงานและแนวทางดำเนินงานโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการมีงานทำของ นักเรียน นักศึกษาให้มีรายได้ระหว่างเรียน
2. อนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการโครงการต่อเนื่องในปี 2549 โดยให้กระทรวงการคลังรับไปประสานเพื่อขอการสนับสนุนเงินรายได้ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลในการดำเนินโครงการต่อไป
3. เห็นชอบให้ส่วนราชการทุกส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เทศบาล รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนให้ความร่วมมือสนับสนุนโครงการฯ
ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการรายงานว่า ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงแรงงานในการส่งเสริมสนับสนุนการทำงานของนักเรียน นักศึกษา เพื่อมีรายได้ระหว่างเรียนจากอาชีพที่เหมาะสม โดยได้รับงบประมาณงบกลางปี พ.ศ. 2547 จากศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ (ศตจ.) จำนวน 2 งวด คือ งวดแรก ปี พ.ศ. 2547 จำนวน 299,470,400 บาท และงวดสอง ปี พ.ศ. 2548 จำนวน 200,000,000 บาท วงเงิน 499,470,400 บาท โดยสาระสำคัญของผลการดำเนินงานโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการมีงานทำของนักเรียน นักศึกษาให้มีรายได้ระหว่างเรียน มีดังนี้
1. เป้าหมายการดำเนินงาน แบ่งกลุ่มเป้าหมายเป็น 4 กลุ่ม คือ (1) นักเรียน นักศึกษาที่ยากจนทั่วประเทศ(2) นักเรียน นักศึกษาจากข้อ (1) ที่ได้ลงทะเบียนแบบ สย. 4 (3) นักเรียน นักศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย(อายุ 15 ปีขึ้นไป) ถึงระดับอุดมศึกษา (4) นักศึกษาที่ไม่ได้ลงทะเบียนตามแบบ สย. 4 แต่มีความประสงค์จะทำงานโดยกระทรวงศึกษาได้จ้างนักเรียน นักศึกษาทำงานในปี พ.ศ. 2547 จำนวน 165,626 คน และในปี พ.ศ. 2548 จำนวน 100,615 คน คิดเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 266,241 คน
2. ลักษณะงานที่จ้าง งานที่จ้างในปี 2547 เน้นทำงานในสถานศึกษาและมหาวิทยาลัย ได้แก่ งานธุรการ งานทาสีรั้วโรงเรียน ซ่อมแซมโต๊ะ-เก้าอี้ ปรับปรุงอาคาร งานปรับปรุงภูมิทัศน์ งานการเกษตร งานช่างไฟฟ้า/ประปา/เครื่องยนต์ งานบันทึกจัดเก็บข้อมูล จัดทำเอกสารการเงินและบัญชี งานประชาสัมพันธ์ จัดทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ประกอบวัสดุ/อุปกรณ์เพื่อการเรียนการสอน ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่วิจัย ผู้ช่วยวิทยากร งานบรรณารักษ์ซ่อมแซมหนังสือ ฯลฯ ในปี 2548 เน้นทำงานในสถานที่ราชการ (Public Work) ท้องถิ่นและชุมชน และงานที่จ้างเน้นเพิ่มเติมในงานบริหารสังคมและชุมชนมากขึ้น เช่น การช่วยสร้างบ้านให้ผู้ประสบภัยคลื่นยักษ์สึนามิ การร่วมปรับปรุงสิ่งก่อสร้างและพัฒนาวัด เป็นต้น
3. ระยะเวลาดำเนินงาน ปี พ.ศ. 2547-2548 ในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อนทั้งในและนอกเวลาราชการ และในช่วงเปิดภาคเรียนหลังเลิกเรียนหรือนอกเวลาราชการและวันหยุดราชการ
4. ประโยชน์ที่ได้รับและความพึงพอใจ จากการวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research) โครงการ ฯ ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต โดยสอบถามความคิดเห็นนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการทั่วประเทศ จำนวน 13,719 คน พบว่า มีความพึงพอใจต่อโครงการและเห็นว่าควรมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง แต่ควรปรับปรุงในการเพิ่มรายได้ ระยะเวลาในการทำงานให้มากขึ้น มีการจ้างงานอย่างเพียงพอ และมีงบประมาณสนับสนุนโครงการอย่างทั่วถึง ทั้งนี้ รายได้ที่ได้รับนำไปใช้ประโยชน์เป็นค่าเล่าเรียน เก็บเป็นเงินออม ซื้ออุปกรณ์การเรียน ซื้อของใช้ส่วนตัว และให้ผู้ปกครอง
5. การติดตามผล จากการจ้างงานโดยศูนย์บริการ “งานดีที่น้องทำได้” ซึ่งเปิดศูนย์บริการ 2 แห่ง คือ บริเวณกระทรวงศึกษาธิการ และบริเวณทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้า BTS สนามกีฬาแห่งชาติได้สอบถามความคิดเห็นของผู้แทนส่วนราชการจำนวน 300 คน ผู้แทนภาคเอกชนที่รับนักเรียน นักศึกษาจากศูนย์ฯ ไปทำงาน และนักเรียน นักศึกษาที่ได้งานทำ จำนวน 525 คนพบว่า
5.1 ส่วนราชการและภาคเอกชนมีความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของนักเรียน นักศึกษาที่สามารถปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จลุล่วงด้วยดี มีความรับผิดชอบดี มีความซื่อสัตย์ดี และมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ดี
5.2 นักเรียน นักศึกษามีความพึงพอใจ ต้องการให้มีโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง เพราะต้องการทำงานให้เกิดทักษะและมีประสบการณ์เพิ่มมากขึ้น ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง
6. ความร่วมมือระหว่างส่วนราชการและภาคเอกชน กระทรวงศึกษาธิการได้รับความร่วมมือจากส่วนราชการต่าง ๆ ได้แก่
6.1 กระทรวงแรงงานดำเนินการประสานแหล่งงาน ภาคเอกชน/สถานประกอบการในการรับนักเรียน นักศึกษาทำงานในเวลาว่าง (Part time) ทั้งในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด และร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการในการเปิดศูนย์บริการประชาสัมพันธ์ แหล่งงานช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อนในกรุงเทพมหานคร
6.2 ส่วนราชการต่าง ๆ ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เทศบาล และรัฐวิสาหกิจ ได้ให้ความร่วมมือในการแจ้งตำแหน่งงานและรับนักเรียน นักศึกษาที่ส่วนราชการของกระทรวงศึกษาธิการจัดส่งไปทำงาน ตลอดจนบางหน่วยงานได้สนับสนุนงบประมาณในการจ้างนักเรียน นักศึกษาทำงานด้วย โดยเฉพาะในระดับจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัด ส่วนใหญ่ได้ขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เทศบาล และภาคเอกชนจ้างนักเรียน นักศึกษาทำงานเพื่อหารายได้ระหว่างเรียน
เนื่องจากโครงการส่งเสริมและสนับสนุนนักเรียน นักศึกษาทำงานเพื่อมีรายได้ระหว่างเรียนเป็นที่ชื่นชมและยอมรับจากนักเรียน นักศึกษา บิดา มารดา ผู้ปกครองและผู้เกี่ยวข้องต่าง ๆ ว่าเป็นโครงการที่ดี และคาดหวังว่าจะได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้สำรวจเบื้องต้นเกี่ยวกับความต้องการทำงานของเด็กยากจนและเด็กในพื้นที่ยากจนมีจำนวนประมาณ 115,958 คน กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดแนวทางในการดำเนินการโครงการต่อเนื่องในปี 2549 เป้าหมาย 115,958 คน เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการสนับสนุนให้โครงการเกิดความต่อเนื่อง โดยขอความร่วมมือส่วนราชการทุกส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เทศบาล รัฐวิสาหกิจ ได้ดำเนินการโครงการจ้างนักเรียน นักศึกษา ทำงานเพื่อมีรายได้ระหว่างเรียน โดยเฉพาะในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน โดยหน่วยงานดังกล่าว ได้พิจารณาเจียดจ่ายงบประมาณของหน่วยงานสนับสนุนการจ้างงานนักเรียน นักศึกษาตามจำนวนที่เห็นสมควร และขอความร่วมมือสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมค้าปลีกแห่งประเทศไทยประสานแจ้งหน่วยงานในสังกัด รวมทั้งภาคเอกชน สถานประกอบการ ซึ่งได้ให้ความร่วมมือระดับหนึ่งแล้วได้ให้ความร่วมมือสนับสนุนอย่างเข้มข้นและจริงจังต่อเนื่อง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2549--จบ--
1. รับทราบผลการดำเนินงานและแนวทางดำเนินงานโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการมีงานทำของ นักเรียน นักศึกษาให้มีรายได้ระหว่างเรียน
2. อนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการโครงการต่อเนื่องในปี 2549 โดยให้กระทรวงการคลังรับไปประสานเพื่อขอการสนับสนุนเงินรายได้ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลในการดำเนินโครงการต่อไป
3. เห็นชอบให้ส่วนราชการทุกส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เทศบาล รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนให้ความร่วมมือสนับสนุนโครงการฯ
ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการรายงานว่า ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงแรงงานในการส่งเสริมสนับสนุนการทำงานของนักเรียน นักศึกษา เพื่อมีรายได้ระหว่างเรียนจากอาชีพที่เหมาะสม โดยได้รับงบประมาณงบกลางปี พ.ศ. 2547 จากศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ (ศตจ.) จำนวน 2 งวด คือ งวดแรก ปี พ.ศ. 2547 จำนวน 299,470,400 บาท และงวดสอง ปี พ.ศ. 2548 จำนวน 200,000,000 บาท วงเงิน 499,470,400 บาท โดยสาระสำคัญของผลการดำเนินงานโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการมีงานทำของนักเรียน นักศึกษาให้มีรายได้ระหว่างเรียน มีดังนี้
1. เป้าหมายการดำเนินงาน แบ่งกลุ่มเป้าหมายเป็น 4 กลุ่ม คือ (1) นักเรียน นักศึกษาที่ยากจนทั่วประเทศ(2) นักเรียน นักศึกษาจากข้อ (1) ที่ได้ลงทะเบียนแบบ สย. 4 (3) นักเรียน นักศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย(อายุ 15 ปีขึ้นไป) ถึงระดับอุดมศึกษา (4) นักศึกษาที่ไม่ได้ลงทะเบียนตามแบบ สย. 4 แต่มีความประสงค์จะทำงานโดยกระทรวงศึกษาได้จ้างนักเรียน นักศึกษาทำงานในปี พ.ศ. 2547 จำนวน 165,626 คน และในปี พ.ศ. 2548 จำนวน 100,615 คน คิดเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 266,241 คน
2. ลักษณะงานที่จ้าง งานที่จ้างในปี 2547 เน้นทำงานในสถานศึกษาและมหาวิทยาลัย ได้แก่ งานธุรการ งานทาสีรั้วโรงเรียน ซ่อมแซมโต๊ะ-เก้าอี้ ปรับปรุงอาคาร งานปรับปรุงภูมิทัศน์ งานการเกษตร งานช่างไฟฟ้า/ประปา/เครื่องยนต์ งานบันทึกจัดเก็บข้อมูล จัดทำเอกสารการเงินและบัญชี งานประชาสัมพันธ์ จัดทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ประกอบวัสดุ/อุปกรณ์เพื่อการเรียนการสอน ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่วิจัย ผู้ช่วยวิทยากร งานบรรณารักษ์ซ่อมแซมหนังสือ ฯลฯ ในปี 2548 เน้นทำงานในสถานที่ราชการ (Public Work) ท้องถิ่นและชุมชน และงานที่จ้างเน้นเพิ่มเติมในงานบริหารสังคมและชุมชนมากขึ้น เช่น การช่วยสร้างบ้านให้ผู้ประสบภัยคลื่นยักษ์สึนามิ การร่วมปรับปรุงสิ่งก่อสร้างและพัฒนาวัด เป็นต้น
3. ระยะเวลาดำเนินงาน ปี พ.ศ. 2547-2548 ในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อนทั้งในและนอกเวลาราชการ และในช่วงเปิดภาคเรียนหลังเลิกเรียนหรือนอกเวลาราชการและวันหยุดราชการ
4. ประโยชน์ที่ได้รับและความพึงพอใจ จากการวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research) โครงการ ฯ ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต โดยสอบถามความคิดเห็นนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการทั่วประเทศ จำนวน 13,719 คน พบว่า มีความพึงพอใจต่อโครงการและเห็นว่าควรมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง แต่ควรปรับปรุงในการเพิ่มรายได้ ระยะเวลาในการทำงานให้มากขึ้น มีการจ้างงานอย่างเพียงพอ และมีงบประมาณสนับสนุนโครงการอย่างทั่วถึง ทั้งนี้ รายได้ที่ได้รับนำไปใช้ประโยชน์เป็นค่าเล่าเรียน เก็บเป็นเงินออม ซื้ออุปกรณ์การเรียน ซื้อของใช้ส่วนตัว และให้ผู้ปกครอง
5. การติดตามผล จากการจ้างงานโดยศูนย์บริการ “งานดีที่น้องทำได้” ซึ่งเปิดศูนย์บริการ 2 แห่ง คือ บริเวณกระทรวงศึกษาธิการ และบริเวณทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้า BTS สนามกีฬาแห่งชาติได้สอบถามความคิดเห็นของผู้แทนส่วนราชการจำนวน 300 คน ผู้แทนภาคเอกชนที่รับนักเรียน นักศึกษาจากศูนย์ฯ ไปทำงาน และนักเรียน นักศึกษาที่ได้งานทำ จำนวน 525 คนพบว่า
5.1 ส่วนราชการและภาคเอกชนมีความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของนักเรียน นักศึกษาที่สามารถปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จลุล่วงด้วยดี มีความรับผิดชอบดี มีความซื่อสัตย์ดี และมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ดี
5.2 นักเรียน นักศึกษามีความพึงพอใจ ต้องการให้มีโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง เพราะต้องการทำงานให้เกิดทักษะและมีประสบการณ์เพิ่มมากขึ้น ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง
6. ความร่วมมือระหว่างส่วนราชการและภาคเอกชน กระทรวงศึกษาธิการได้รับความร่วมมือจากส่วนราชการต่าง ๆ ได้แก่
6.1 กระทรวงแรงงานดำเนินการประสานแหล่งงาน ภาคเอกชน/สถานประกอบการในการรับนักเรียน นักศึกษาทำงานในเวลาว่าง (Part time) ทั้งในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด และร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการในการเปิดศูนย์บริการประชาสัมพันธ์ แหล่งงานช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อนในกรุงเทพมหานคร
6.2 ส่วนราชการต่าง ๆ ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เทศบาล และรัฐวิสาหกิจ ได้ให้ความร่วมมือในการแจ้งตำแหน่งงานและรับนักเรียน นักศึกษาที่ส่วนราชการของกระทรวงศึกษาธิการจัดส่งไปทำงาน ตลอดจนบางหน่วยงานได้สนับสนุนงบประมาณในการจ้างนักเรียน นักศึกษาทำงานด้วย โดยเฉพาะในระดับจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัด ส่วนใหญ่ได้ขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เทศบาล และภาคเอกชนจ้างนักเรียน นักศึกษาทำงานเพื่อหารายได้ระหว่างเรียน
เนื่องจากโครงการส่งเสริมและสนับสนุนนักเรียน นักศึกษาทำงานเพื่อมีรายได้ระหว่างเรียนเป็นที่ชื่นชมและยอมรับจากนักเรียน นักศึกษา บิดา มารดา ผู้ปกครองและผู้เกี่ยวข้องต่าง ๆ ว่าเป็นโครงการที่ดี และคาดหวังว่าจะได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้สำรวจเบื้องต้นเกี่ยวกับความต้องการทำงานของเด็กยากจนและเด็กในพื้นที่ยากจนมีจำนวนประมาณ 115,958 คน กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดแนวทางในการดำเนินการโครงการต่อเนื่องในปี 2549 เป้าหมาย 115,958 คน เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการสนับสนุนให้โครงการเกิดความต่อเนื่อง โดยขอความร่วมมือส่วนราชการทุกส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เทศบาล รัฐวิสาหกิจ ได้ดำเนินการโครงการจ้างนักเรียน นักศึกษา ทำงานเพื่อมีรายได้ระหว่างเรียน โดยเฉพาะในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน โดยหน่วยงานดังกล่าว ได้พิจารณาเจียดจ่ายงบประมาณของหน่วยงานสนับสนุนการจ้างงานนักเรียน นักศึกษาตามจำนวนที่เห็นสมควร และขอความร่วมมือสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมค้าปลีกแห่งประเทศไทยประสานแจ้งหน่วยงานในสังกัด รวมทั้งภาคเอกชน สถานประกอบการ ซึ่งได้ให้ความร่วมมือระดับหนึ่งแล้วได้ให้ความร่วมมือสนับสนุนอย่างเข้มข้นและจริงจังต่อเนื่อง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2549--จบ--