คณะรัฐมนตรีพิจารณาโครงการจำหน่ายน้ำมันในเขตทะเลอาณาเขตให้ชาวประมงชายฝั่ง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ แล้วมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการให้รัฐบาลจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งมีคุณภาพเหมาะสำหรับเรือประมงเพื่อจำหน่ายให้แก่ชาวประมงชายฝั่งทดแทนน้ำมันที่ได้รับจากโครงการช่วยเหลือราคาน้ำมันให้ชาวประมง (น้ำมันม่วง) โดยให้คงราคาน้ำมันที่เคยจำหน่ายเดิมตามโครงการฯ (ราคาต่ำกว่าราคาน้ำมันดีเซลบนบกไม่น้อยกว่า 2 บาทต่อลิตร) โดยการจำหน่ายในพื้นที่ทะเลอาณาเขตห่างฝั่งไม่น้อยกว่า 5 ไมล์ทะเล ยกเว้นรอบเกาะไม่น้อยกว่า 1 ไมล์ทะเล น้ำมันดังกล่าวเสียภาษีต่าง ๆ และกองทุนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับราคาน้ำมันบนบก แต่การจ่ายเงินเข้ากองทุนน้ำมันอาจต่ำกว่าราคาน้ำมันปกติ
2. มอบหมายองค์การสะพานปลา (อปส.) ยังคงเป็นผู้จัดหาน้ำมัน จำหน่าย หรือผู้ประสานงานให้เอกชนเป็นผู้จัดหาน้ำมันเพื่อจำหน่ายให้ชาวประมงชายฝั่ง ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของ อปส. และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในรายละเอียดให้ครอบคลุมเพื่อมิให้มีการนำน้ำมันดังกล่าวไปใช้ผิดวัตถุประสงค์
3. มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติรับไปพิจารณาดำเนินการในรายละเอียดต่อไป
4. เห็นชอบให้มีการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีให้สามารถจัดหาน้ำมันสำหรับเรือประมงในโครงการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับชาวประมงในเขตต่อเนื่องที่กำหนดให้จัดหาน้ำมันจากโรงกลั่นในประเทศเท่านั้น เป็นการจัดหาน้ำมันจากโรงกลั่นในประเทศหรือต่างประเทศก็ได้
5. มอบหมายกระทรวงการคลังรับไปดำเนินการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับน้ำมันดีเซลที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในโครงการน้ำมันเขียว ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรมกับการใช้น้ำมันในประเทศ
6. มอบหมายกระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับไปดำเนินการกำหนดแนวทางการตรวจสอบการนำเข้าน้ำมันดีเซลจากต่างประเทศสำหรับโครงการทั้งสองให้เกิดความรัดกุม
ทั้งนี้ ที่ประชุมให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณไปประกอบการพิจารณาด้วย
โดยแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวมีผลดีและผลเสีย ดังนี้
1. ผลกระทบของข้อเสนอดังกล่าว เดิมน้ำมันม่วงเป็นน้ำมันดีเซลปกติ การทำให้ราคาลดลงโดยใช้เงินอุดหนุนจากคณะกรรมการนโยบายช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) หากใช้น้ำมันคุณภาพที่เหมาะสำหรับเรือประมงและการลดเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ทำให้การจำหน่ายในราคาต่ำกว่าบนบก 2 บาทต่อลิตร สามารถดำเนินการได้อย่างยั่งยืน
2. ความเสี่ยงในการกระทำผิดไม่มีความแตกต่างจากน้ำมันม่วงที่เคยจำหน่ายอยู่เดิม เพราะน้ำมันที่เกิดใหม่ขึ้นเสียภาษีถูกต้องตามกฎหมาย
3. การเสี่ยงภัยในการลักลอบนำออกมาใช้นอกโครงการจะสามารถลดความเสี่ยงจากเดิมที่จำหน่ายบนบกได้มากกว่าเนื่องจากเป็นการจำหน่ายในทะเลห่างจากฝั่งระยะ 5 ไมล์ทะเล (7.5 กิโลเมตร) การลักลอบจึงยากกว่า
4. บรรเทาความเดือดร้อนของชาวประมงและสามารถลดการเรียกร้องของชาวประมงเรื่องการขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล
5. สอดคล้องกับการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และปัญหาความยากจน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 14 มีนาคม 2549--จบ--
1. เห็นชอบในหลักการให้รัฐบาลจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งมีคุณภาพเหมาะสำหรับเรือประมงเพื่อจำหน่ายให้แก่ชาวประมงชายฝั่งทดแทนน้ำมันที่ได้รับจากโครงการช่วยเหลือราคาน้ำมันให้ชาวประมง (น้ำมันม่วง) โดยให้คงราคาน้ำมันที่เคยจำหน่ายเดิมตามโครงการฯ (ราคาต่ำกว่าราคาน้ำมันดีเซลบนบกไม่น้อยกว่า 2 บาทต่อลิตร) โดยการจำหน่ายในพื้นที่ทะเลอาณาเขตห่างฝั่งไม่น้อยกว่า 5 ไมล์ทะเล ยกเว้นรอบเกาะไม่น้อยกว่า 1 ไมล์ทะเล น้ำมันดังกล่าวเสียภาษีต่าง ๆ และกองทุนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับราคาน้ำมันบนบก แต่การจ่ายเงินเข้ากองทุนน้ำมันอาจต่ำกว่าราคาน้ำมันปกติ
2. มอบหมายองค์การสะพานปลา (อปส.) ยังคงเป็นผู้จัดหาน้ำมัน จำหน่าย หรือผู้ประสานงานให้เอกชนเป็นผู้จัดหาน้ำมันเพื่อจำหน่ายให้ชาวประมงชายฝั่ง ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของ อปส. และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในรายละเอียดให้ครอบคลุมเพื่อมิให้มีการนำน้ำมันดังกล่าวไปใช้ผิดวัตถุประสงค์
3. มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติรับไปพิจารณาดำเนินการในรายละเอียดต่อไป
4. เห็นชอบให้มีการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีให้สามารถจัดหาน้ำมันสำหรับเรือประมงในโครงการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับชาวประมงในเขตต่อเนื่องที่กำหนดให้จัดหาน้ำมันจากโรงกลั่นในประเทศเท่านั้น เป็นการจัดหาน้ำมันจากโรงกลั่นในประเทศหรือต่างประเทศก็ได้
5. มอบหมายกระทรวงการคลังรับไปดำเนินการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับน้ำมันดีเซลที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในโครงการน้ำมันเขียว ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรมกับการใช้น้ำมันในประเทศ
6. มอบหมายกระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับไปดำเนินการกำหนดแนวทางการตรวจสอบการนำเข้าน้ำมันดีเซลจากต่างประเทศสำหรับโครงการทั้งสองให้เกิดความรัดกุม
ทั้งนี้ ที่ประชุมให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณไปประกอบการพิจารณาด้วย
โดยแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวมีผลดีและผลเสีย ดังนี้
1. ผลกระทบของข้อเสนอดังกล่าว เดิมน้ำมันม่วงเป็นน้ำมันดีเซลปกติ การทำให้ราคาลดลงโดยใช้เงินอุดหนุนจากคณะกรรมการนโยบายช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) หากใช้น้ำมันคุณภาพที่เหมาะสำหรับเรือประมงและการลดเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ทำให้การจำหน่ายในราคาต่ำกว่าบนบก 2 บาทต่อลิตร สามารถดำเนินการได้อย่างยั่งยืน
2. ความเสี่ยงในการกระทำผิดไม่มีความแตกต่างจากน้ำมันม่วงที่เคยจำหน่ายอยู่เดิม เพราะน้ำมันที่เกิดใหม่ขึ้นเสียภาษีถูกต้องตามกฎหมาย
3. การเสี่ยงภัยในการลักลอบนำออกมาใช้นอกโครงการจะสามารถลดความเสี่ยงจากเดิมที่จำหน่ายบนบกได้มากกว่าเนื่องจากเป็นการจำหน่ายในทะเลห่างจากฝั่งระยะ 5 ไมล์ทะเล (7.5 กิโลเมตร) การลักลอบจึงยากกว่า
4. บรรเทาความเดือดร้อนของชาวประมงและสามารถลดการเรียกร้องของชาวประมงเรื่องการขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล
5. สอดคล้องกับการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และปัญหาความยากจน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 14 มีนาคม 2549--จบ--