คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ประเทศไทยบริจาคเงินให้แก่กองทุนระหว่างประเทศเพื่อพัฒนาเกษตรกรรมสำหรับการระดมทุน ครั้งที่ 8 เป็นจำนวนเงิน 300,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยเบิกจ่ายจากเงินงบประมาณปี 2553 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
สาระสำคัญของเรื่อง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า
1. กองทุนระหว่างประเทศเพื่อพัฒนาเกษตรกรรม หรือ IFAD (International Fund for Agricultural Development) มีสถานะเป็นองค์การชำนัญพิเศษของสหประชาชาติทางด้านการเงินเพื่อเกษตรกรรมโดยเฉพาะ จัดตั้งขึ้นตามมติที่ประชุมสมัชชาอาหารโลก มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือประเทศสมาชิกสำหรับพัฒนาการเกษตรและการขจัดความยากจนและหิวโหย โดยความ ช่วยเหลือส่วนใหญ่อยู่ในรูปของเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำและความช่วยเหลือแบบให้เปล่าทางด้านต่างๆ เงินกองทุนฯ มาจากการบริจาคของประเทศสมาชิก โดยความสมัครใจ ไม่มีการกำหนดวงเงินบริจาคของแต่ละประเทศ และไม่มีข้อผูกมันใดๆ การหาเงินเข้ากองทุนฯ ใช้รูปแบบของการระดมทุน (Replenishment) เป็นครั้งๆ ตามความจำเป็นมิได้กระทำทุกปี ซึ่งแตกต่างจากองค์การอื่น ๆ นับตั้งแต่ได้จัดตั้งกองทุนฯ ขึ้นมาในปี 2520 จนถึงปัจจุบัน มีการระดมทุนแล้ว 7 ครั้ง ประเทศไทยบริจาคไปแล้ว รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 900,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ในการระดมทุน ครั้งที่ 4 (2540) ประเทศไทยมิได้บริจาคเนื่องจากเกิดภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจและการเงินในประเทศ
2. ในการประชุมคณะมนตรีประศาสน์การ (Governing Council) ครั้งที่ 32 ของกองทุนฯ เมื่อวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์ 2552 ณ กรุงโรม ประเทศอิตาลี ที่ประชุมเห็นชอบในการตั้งเป้าหมายที่จะระดมทุนให้ได้ 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 67 จากการระดมทุน ครั้งที่ 7 ซึ่งตั้งเป้าหมายในวงเงิน 720 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยวางแนวทางที่จะสนับสนุนโครงการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือประเทศอ่อนแอให้มากขึ้นเน้นการเพิ่มศักยภาพการผลิตทางการเกษตร การป้องกันและแก้ไขปัญหาความ เสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศเพิ่มการลงทุนในภาคเกษตรและการพัฒนาชนบท เป็นต้น กองทุนฯ จึงขอความร่วมมือจากประเทศสมาชิกให้เพิ่มจำนวนเงินบริจาคมากกว่าครั้งที่ผ่านมา และจากการระดมทุน 7 ครั้ง ที่ผ่านมาประเทศไทยได้บริจาคครั้งละ 100,000 — 150,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับเป็นจำนวนที่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกับการบริจาคของประเทศอื่นๆ นอกจากนี้ประเทศไทยยังได้รับประโยชน์จากการเป็นสมาชิกกองทุนฯ ภายใต้โครงการกว่า 1,500 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ดังนั้น ประเทศไทยสมควรเพิ่มการบริจาคสำหรับการระดมทุนครั้งที่ 8 คือ บริจาคเป็นจำนวนเงิน 300,000 ดอลลาร์สหรัฐ
3. หากประเทศไทยพิจารณาการบริจาคในครั้งนี้ อาจส่งผลให้กองทุนฯ พิจารณาความช่วยเหลือด้านวิชาการแก่ประเทศไทยมากขึ้น ดังที่กองทุนฯ ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของบุคลากรไทยว่ามีความสามารถในการถ่ายทอดองค์กความรู้ด้านต่างๆ ให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านได้เป็นอย่างดี จึงได้จัดอบรมให้แก่บุคลากรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อฝึกให้เป็นวิทยากรด้านการติดตามและประเมินผลแก่ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้บุคลากรไทยได้มีโอกาสแสดงความสามารถทางวิชาการ ทำให้เกิดการพัฒนาประสบการณ์และการมีบทบาทในเวทีโลกมากขึ้น อีกทั้งอาจเป็นการสนับสนุนให้คนไทยเข้าทำงานในองค์การระหว่างประเทศในโอกาสต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 29 กันยายน 2552 --จบ--