คณะรัฐมนตรีพิจารณาการขออนุมัติลงนาม และให้สัตยาบัน ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระดับภูมิภาคเพื่อการต่อต้านโจรสลัดและการปล้นเรือโดยใช้อาวุธในเอเชีย (Regional Agreement on Combating Piracy and Armed Robbery against Ships in Asia-ReCAAP) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ แล้วมีมติอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการลงนาม และให้สัตยาบันความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระดับภูมิภาคเพื่อการต่อต้านโจรสลัดและการปล้นเรือโดยใช้อาวุธในเอเชีย (Regional Agreement on Combating Piracy and Armed Robbery against Ships in Asia-ReCAAP) ซึ่งสิงคโปร์เป็นประเทศผู้เก็บรักษาความตกลงฯ (Depositary State)ในช่วงที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 3 ระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 2-3 กันยายนนี้
ทั้งนี้ เป้าหมายของความตกลงฯ ดังกล่าว ได้แก่
- ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศโดยเน้นความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องร่วมกันป้องกันและปราบปรามการกระทำอันเป็นโจรสลัดและการปล้นเรือโดยใช้อาวุธที่เพิ่มขึ้นในเอเชีย
- ให้ศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลที่สิงคโปร์เป็นสื่อกลางในการติดต่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างรัฐภาคี พัฒนาคุณภาพของสถิติ รวมทั้งจัดทำรายงานเกี่ยวกับโจรสลัดและการปล้นเรือโดยใช้อาวุธในภูมิภาคเอเชีย
- เสริมสร้างสมรรถนะ (capacity-building) ระหว่างรัฐภาคี เพื่อนำไปสู่การป้องกันและปราบปรามการกระทำอันเป็นโจรสลัดและการปล้นเรือโดยใช้อาวุธ และเพื่อประกันความปลอดภัยของเรือและลูกเรือให้ดียิ่งขึ้น
หน้าที่ของรัฐภาคี ได้แก่
1. ดำเนินมาตรการทางกฎหมายและทางบริหารเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำอันเป็นโจรสลัดและการปล้นเรือโดยใช้อาวุธในเอเชีย
2. จับกุมโจรสลัด หรือบุคคลผู้กระทำความผิดฐานปล้นเรือโดยใช้อาวุธในเอเชีย
3. ยึดเรือ หรือ อากาศยานที่นำไปใช้ในการกระทำอันเป็นโจรสลัดและการปล้นเรือโดยใช้อาวุธยึดเรือที่ถูกใช้ หรืออยู่ภายใต้การควบคุมของโจรสลัด หรือบุคคลที่กระทำความผิดฐานปล้นเรือโดยใช้อาวุธและยึดทรัพย์สินที่อยู่บนเรือนั้น
4. ช่วยเหลือเรือที่ตกเป็นเหยื่อ รวมทั้งเหยื่อของการกระทำอันเป็นโจรสลัดและการปล้นเรือโดยใช้อาวุธ
5. ให้ความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลและกับรัฐภาคีอื่น ๆ เพื่อป้องกันและปรามปรามการกระทำอันเป็นโจรสลัดและการปล้นเรือโดยใช้อาวุธ
6. ให้ความร่วมมือกับรัฐภาคีอื่น ๆ ในการส่งผู้ร้ายข้ามแดน และความร่วมมือในเรื่องทางอาญา
ซึ่งความตกลง ReCAAP เปิดให้มีการลงนามเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2548 โดยจะมีผลใช้บังคับ เมื่อครบ 90 วัน ภายหลังจากวันที่ผู้เก็บรักษาความตกลงฯ ได้รับสัตยาบันสารฉบับที่ 10 จาก 16 ประเทศ ปัจจุบัน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และลาวได้ยื่นสัตยาบันสารเข้าเป็นภาคีความตกลงฯ แล้ว ส่วนกัมพูชาและฟิลิปปินส์ได้ลงนามความตกลง ดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ ความตกลง ReCAAP มีกฎหมายรองรับ 3 ฉบับ คือ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการกระทำอันเป็นโจรสลัด พ.ศ. 2534 พระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2472 และพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรื่องทางอาญา พ.ศ. 2535
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 30 สิงหาคม 2548--จบ--
ทั้งนี้ เป้าหมายของความตกลงฯ ดังกล่าว ได้แก่
- ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศโดยเน้นความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องร่วมกันป้องกันและปราบปรามการกระทำอันเป็นโจรสลัดและการปล้นเรือโดยใช้อาวุธที่เพิ่มขึ้นในเอเชีย
- ให้ศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลที่สิงคโปร์เป็นสื่อกลางในการติดต่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างรัฐภาคี พัฒนาคุณภาพของสถิติ รวมทั้งจัดทำรายงานเกี่ยวกับโจรสลัดและการปล้นเรือโดยใช้อาวุธในภูมิภาคเอเชีย
- เสริมสร้างสมรรถนะ (capacity-building) ระหว่างรัฐภาคี เพื่อนำไปสู่การป้องกันและปราบปรามการกระทำอันเป็นโจรสลัดและการปล้นเรือโดยใช้อาวุธ และเพื่อประกันความปลอดภัยของเรือและลูกเรือให้ดียิ่งขึ้น
หน้าที่ของรัฐภาคี ได้แก่
1. ดำเนินมาตรการทางกฎหมายและทางบริหารเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำอันเป็นโจรสลัดและการปล้นเรือโดยใช้อาวุธในเอเชีย
2. จับกุมโจรสลัด หรือบุคคลผู้กระทำความผิดฐานปล้นเรือโดยใช้อาวุธในเอเชีย
3. ยึดเรือ หรือ อากาศยานที่นำไปใช้ในการกระทำอันเป็นโจรสลัดและการปล้นเรือโดยใช้อาวุธยึดเรือที่ถูกใช้ หรืออยู่ภายใต้การควบคุมของโจรสลัด หรือบุคคลที่กระทำความผิดฐานปล้นเรือโดยใช้อาวุธและยึดทรัพย์สินที่อยู่บนเรือนั้น
4. ช่วยเหลือเรือที่ตกเป็นเหยื่อ รวมทั้งเหยื่อของการกระทำอันเป็นโจรสลัดและการปล้นเรือโดยใช้อาวุธ
5. ให้ความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลและกับรัฐภาคีอื่น ๆ เพื่อป้องกันและปรามปรามการกระทำอันเป็นโจรสลัดและการปล้นเรือโดยใช้อาวุธ
6. ให้ความร่วมมือกับรัฐภาคีอื่น ๆ ในการส่งผู้ร้ายข้ามแดน และความร่วมมือในเรื่องทางอาญา
ซึ่งความตกลง ReCAAP เปิดให้มีการลงนามเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2548 โดยจะมีผลใช้บังคับ เมื่อครบ 90 วัน ภายหลังจากวันที่ผู้เก็บรักษาความตกลงฯ ได้รับสัตยาบันสารฉบับที่ 10 จาก 16 ประเทศ ปัจจุบัน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และลาวได้ยื่นสัตยาบันสารเข้าเป็นภาคีความตกลงฯ แล้ว ส่วนกัมพูชาและฟิลิปปินส์ได้ลงนามความตกลง ดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ ความตกลง ReCAAP มีกฎหมายรองรับ 3 ฉบับ คือ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการกระทำอันเป็นโจรสลัด พ.ศ. 2534 พระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2472 และพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรื่องทางอาญา พ.ศ. 2535
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 30 สิงหาคม 2548--จบ--