คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ 4 เดือนแรก (ม.ค. - เม.ย.) ของปี 2548 ดังนี้
1. การส่งออกเดือนเมษายน มีมูลค่า 8,241 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.1 การส่งออกยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้การส่งออกในระยะ 4 เดือนแรกของปี 2548 มีมูลค่า 33,439 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.6
2. การนำเข้าเดือนเมษายน มีมูลค่า 9,791 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.1 สินค้าที่นำเข้าเพิ่มขึ้นมากได้แก่ เชื้อเพลิง ทุนและวัตถุดิบ มีข้อสังเกตว่ามูลค่านำเข้าน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 53.4 เป็นเพราะราคานำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 61.3 ขณะที่ปริมาณลดลงร้อยละ 4.9 ทำให้การนำเข้าในระยะ 4 เดือนแรกของปี 2548 มีมูลค่า 37,952 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.9
สินค้าสำคัญที่นำเข้าเพิ่มขึ้นในอัตราสูงและส่งผลทำให้ดุลการค้าขาดดุล ได้แก่ น้ำมันดิบ เหล็กกล้า ทองคำ เครื่องจักรและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ ส่วนประกอบและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และ สินแร่และโลหะอื่น ๆ
3. ดุลการค้าเดือนเมษายน ขาดดุลมูลค่า 1,550 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขาดดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่สี่ ทำให้ดุลการค้าในระยะ 4 เดือนแรกของปี 2548 ขาดดุลมูลค่า 4,513 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
4. ตลาดส่งออกสำคัญ ตลาดใหม่ขยายตัวต่อเนื่องร้อยละ 18.5 อันเป็นผลจากการดำเนินมาตรการเชิงรุกในการเจาะตลาดใหม่ เช่น Trade Commando การส่งนักรบทางการตลาดไปขายสินค้า ตลาดที่ขยายตัวในอัตราสูง ได้แก่ อินเดีย (ร้อยละ 105.5) แอฟริกา (ร้อยละ 44.6) ลาตินอเมริกา (ร้อยละ 34.5) อินโดจีนและพม่า (ร้อยละ 20.1 ) ออสเตรเลีย (ร้อยละ 28.0) ยุโรปตะวันออก (ร้อยละ 25.4) และตะวันออกกลาง (ร้อยละ 16.9)
ตลาดหลักชะลอตัวลงโดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.2 ตามการชะลอตัวของการส่งออกไปสหรัฐฯ สหภาพยุโรปและอาเซียน ขณะที่การส่งออกไปญี่ปุ่นขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.0
5. สินค้าส่งออกสำคัญ ส่วนใหญ่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ที่สำคัญ ได้แก่ ข้าว ปลากระป๋องและแปรรูป ผัก ผลไม้สด กระป๋องและแปรรูป ไก่แปรรูป ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ พลาสติก วัสดุก่อสร้าง อัญมณี ผลิตภัณฑ์ยางและเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น
สินค้าสำคัญที่ส่งออกลดลงได้แก่ มันสำปะหลังลดลงร้อยละ 14.8 เนื่องจากผลผลิตในประเทศลดลงและต้องแข่งขันด้านราคากับข้าวโพดของสหรัฐฯ และธัญพืชในสหภาพยุโรป แผงวงจรไฟฟ้าลดลงร้อยละ 9.2 ตามการชะลอตัวของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ และการแข่งขันด้านราคากับเกาหลีใต้ ยางพารา ลดลงร้อยละ 2.8 เนื่องจากจีนลดการนำเข้าตามนโยบายลดความร้อนแรงทางเศรษฐกิจและการแข่งขันด้านราคากับอินโดนีเซียและมาเลเซีย ไก่สดแช่แข็งลดลงร้อยละ 97.5 จากปัญหาการระบาดของไข้หวัดนก
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 21 มิถุนายน 2548--จบ--
1. การส่งออกเดือนเมษายน มีมูลค่า 8,241 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.1 การส่งออกยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้การส่งออกในระยะ 4 เดือนแรกของปี 2548 มีมูลค่า 33,439 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.6
2. การนำเข้าเดือนเมษายน มีมูลค่า 9,791 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.1 สินค้าที่นำเข้าเพิ่มขึ้นมากได้แก่ เชื้อเพลิง ทุนและวัตถุดิบ มีข้อสังเกตว่ามูลค่านำเข้าน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 53.4 เป็นเพราะราคานำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 61.3 ขณะที่ปริมาณลดลงร้อยละ 4.9 ทำให้การนำเข้าในระยะ 4 เดือนแรกของปี 2548 มีมูลค่า 37,952 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.9
สินค้าสำคัญที่นำเข้าเพิ่มขึ้นในอัตราสูงและส่งผลทำให้ดุลการค้าขาดดุล ได้แก่ น้ำมันดิบ เหล็กกล้า ทองคำ เครื่องจักรและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ ส่วนประกอบและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และ สินแร่และโลหะอื่น ๆ
3. ดุลการค้าเดือนเมษายน ขาดดุลมูลค่า 1,550 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขาดดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่สี่ ทำให้ดุลการค้าในระยะ 4 เดือนแรกของปี 2548 ขาดดุลมูลค่า 4,513 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
4. ตลาดส่งออกสำคัญ ตลาดใหม่ขยายตัวต่อเนื่องร้อยละ 18.5 อันเป็นผลจากการดำเนินมาตรการเชิงรุกในการเจาะตลาดใหม่ เช่น Trade Commando การส่งนักรบทางการตลาดไปขายสินค้า ตลาดที่ขยายตัวในอัตราสูง ได้แก่ อินเดีย (ร้อยละ 105.5) แอฟริกา (ร้อยละ 44.6) ลาตินอเมริกา (ร้อยละ 34.5) อินโดจีนและพม่า (ร้อยละ 20.1 ) ออสเตรเลีย (ร้อยละ 28.0) ยุโรปตะวันออก (ร้อยละ 25.4) และตะวันออกกลาง (ร้อยละ 16.9)
ตลาดหลักชะลอตัวลงโดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.2 ตามการชะลอตัวของการส่งออกไปสหรัฐฯ สหภาพยุโรปและอาเซียน ขณะที่การส่งออกไปญี่ปุ่นขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.0
5. สินค้าส่งออกสำคัญ ส่วนใหญ่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ที่สำคัญ ได้แก่ ข้าว ปลากระป๋องและแปรรูป ผัก ผลไม้สด กระป๋องและแปรรูป ไก่แปรรูป ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ พลาสติก วัสดุก่อสร้าง อัญมณี ผลิตภัณฑ์ยางและเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น
สินค้าสำคัญที่ส่งออกลดลงได้แก่ มันสำปะหลังลดลงร้อยละ 14.8 เนื่องจากผลผลิตในประเทศลดลงและต้องแข่งขันด้านราคากับข้าวโพดของสหรัฐฯ และธัญพืชในสหภาพยุโรป แผงวงจรไฟฟ้าลดลงร้อยละ 9.2 ตามการชะลอตัวของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ และการแข่งขันด้านราคากับเกาหลีใต้ ยางพารา ลดลงร้อยละ 2.8 เนื่องจากจีนลดการนำเข้าตามนโยบายลดความร้อนแรงทางเศรษฐกิจและการแข่งขันด้านราคากับอินโดนีเซียและมาเลเซีย ไก่สดแช่แข็งลดลงร้อยละ 97.5 จากปัญหาการระบาดของไข้หวัดนก
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 21 มิถุนายน 2548--จบ--