คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
ข้อเท็จจริง
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในคราวประชุมคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) ครั้งที่ 4/2552 เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2552 ได้มีมติเห็นชอบให้เสนอร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... ตามข้อเสนอของคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อศึกษาระบบการสงเคราะห์ผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเห็นสมควรให้ปรับระเบียบว่าด้วยการจ่ายเบี้ยยังชีพของผู้สูงอายุที่ใช้ในปัจจุบัน คือ ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2548 และระเบียบคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ พ.ศ. 2552 รวมเป็นฉบับเดียว เพื่อให้สามารถใช้บังคับได้กับทุกส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกประเภท รวมทั้งให้ผู้สูงอายุทั้งประเทศได้รับเงินเบี้ยยังชีพอย่างทั่วถึงเป็นมาตรฐานเดียวกัน
สาระสำคัญของร่างระเบียบ
1. กำหนดคำนิยามของคำว่า “ผู้สูงอายุ” “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” และ “ผู้บริหารท้องถิ่น” (ร่างข้อ 4)
2. กำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิจะได้รับเงินเบี้ยยังชีพ รวมทั้งขั้นตอนการยื่นคำขอและวิธีการพิจารณา คุณสมบัติผู้มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพ (ร่างข้อ 6 และข้อ 7)
3. กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดทำทะเบียนประวัติของผู้มีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพ และให้สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัด และสำนักงานเขตแจ้งรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์ไปยังกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและกรุงเทพมหานคร เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการขอตั้งงบประมาณสำหรับสนับสนุนเบี้ยยังชีพในปีงบประมาณถัดไป (ร่างข้อ 8 และข้อ 9)
4. ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุให้แก่ผู้มีสิทธิ โดยจ่ายเงินรายเดือนหรือ สามเดือนต่อหนึ่งครั้งเป็นเงินสดหรือโอนเข้าบัญชีธนาคารในอัตราเดือนละ 500 บาท หรือตามมติคณะรัฐมนตรีกำหนด แต่หากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใดจะจ่ายเกินกว่าที่กำหนด ให้เสนอสภาท้องถิ่นพิจารณาอนุมัติ ทั้งนี้ ต้องไม่เกินกว่า สองเท่าของอัตราที่กำหนด (ร่างข้อ 10 และข้อ 12)
5. ในเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการตรวจสอบสถานะของผู้มีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดิม (ร่างข้อ 13)
6. กำหนดให้สิทธิของผู้มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุสิ้นสุดลง เมื่อผู้นั้นถึงแก่กรรมหรือขาดคุณสมบัติ หรือผู้นั้นแจ้งสละสิทธิการขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นลายลักษณ์อักษรต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ตนมีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ (ร่างข้อ 14)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 6 ตุลาคม 2552 --จบ--