คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้จัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลญี่ปุ่นว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกัน สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศได้หารือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องของไทยและร่วมจัดทำร่างหนังสือแลกเปลี่ยนดังกล่าวกับฝ่ายญี่ปุ่นด้วย ซึ่งทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายญี่ปุ่นได้เห็นชอบต่อหนังสือดังกล่าวโดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ไทยและญี่ปุ่นจะยกเว้นการตรวจลงตราแก่บุคคลชาติของอีกฝ่ายหนึ่งที่ถือหนังสือเดินทางทูตหรือราชการที่เดินทางเข้าประเทศเพื่อ
1.1 ปฏิบัติหน้าที่ทางราชการหรือประจำการ (ซึ่งรวมทั้งสมาชิกครอบครัวที่ถือหนังสือเดินทางทูตหรือราชการด้วย) โดยสามารถพำนักได้จนกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจ
1.2 วัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากข้อ 1.1 สามารถพำนักอยู่ได้ 90 วัน
2. การยกเว้นการตรวจลงตราจะไม่ครอบคลุมถึงผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการที่เข้าประเทศเพื่อวัตถุประสงค์ในการหางานทำ หรือประกอบอาชีพ (ที่ไม่ใช่ภารกิจทางราชการ) เช่น การบันเทิง การแข่งขันกีฬาฯลฯ
3. ทั้งสองฝ่ายสามารถระงับมาตรการตามข้อ 1 เป็นการชั่วคราวได้ด้วยเหตุผลทางด้านความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง รวมทั้งสาธารณสุข โดยจะต้องแจ้งให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบผ่านช่องทางการทูตโดยทันที
4. ทั้งสองฝ่ายสามารถปฏิเสธการเข้าเมืองของบุคคลที่ไม่พึงประสงค์ได้โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผล
5. ทั้งสองฝ่ายสามารถยกเลิกมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรานี้ได้ โดยจะต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรให้อีกฝ่ายทราบล่วงหน้า 30 วัน
ทั้งนี้ ความตกลงนี้จะให้มีผลบังคับใช้ 30 วัน หลังจากมีการแลกเปลี่ยนหนังสือดังกล่าว
กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่าปัจจุบันผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการญี่ปุ่นสามารถเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยและพำนักเพื่อปฏิบัติราชการและภารกิจทางการทูต รวมทั้งทำกิจธุระอื่น ๆ ได้ภายใน 30 วัน โดยไม่ต้องขอรับการตรวจลงตรา โดยอาศัยประโยชน์จากประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2545 ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกำหนดให้ญี่ปุ่นเป็นประเทศหนึ่งที่ได้รับยกเว้นการตรวจลงตราหากพำนักในราชอาณาจักรไม่เกิน 30 วัน ในขณะที่ผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการไทย ซึ่งเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นจะต้องได้รับการตรวจลงตราจากเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐบาลญี่ปุ่นก่อนการเดินทาง ก่อให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันระหว่างไทย - ญี่ปุ่น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 19 เมษายน 2548--จบ--
1. ไทยและญี่ปุ่นจะยกเว้นการตรวจลงตราแก่บุคคลชาติของอีกฝ่ายหนึ่งที่ถือหนังสือเดินทางทูตหรือราชการที่เดินทางเข้าประเทศเพื่อ
1.1 ปฏิบัติหน้าที่ทางราชการหรือประจำการ (ซึ่งรวมทั้งสมาชิกครอบครัวที่ถือหนังสือเดินทางทูตหรือราชการด้วย) โดยสามารถพำนักได้จนกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจ
1.2 วัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากข้อ 1.1 สามารถพำนักอยู่ได้ 90 วัน
2. การยกเว้นการตรวจลงตราจะไม่ครอบคลุมถึงผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการที่เข้าประเทศเพื่อวัตถุประสงค์ในการหางานทำ หรือประกอบอาชีพ (ที่ไม่ใช่ภารกิจทางราชการ) เช่น การบันเทิง การแข่งขันกีฬาฯลฯ
3. ทั้งสองฝ่ายสามารถระงับมาตรการตามข้อ 1 เป็นการชั่วคราวได้ด้วยเหตุผลทางด้านความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง รวมทั้งสาธารณสุข โดยจะต้องแจ้งให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบผ่านช่องทางการทูตโดยทันที
4. ทั้งสองฝ่ายสามารถปฏิเสธการเข้าเมืองของบุคคลที่ไม่พึงประสงค์ได้โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผล
5. ทั้งสองฝ่ายสามารถยกเลิกมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรานี้ได้ โดยจะต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรให้อีกฝ่ายทราบล่วงหน้า 30 วัน
ทั้งนี้ ความตกลงนี้จะให้มีผลบังคับใช้ 30 วัน หลังจากมีการแลกเปลี่ยนหนังสือดังกล่าว
กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่าปัจจุบันผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการญี่ปุ่นสามารถเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยและพำนักเพื่อปฏิบัติราชการและภารกิจทางการทูต รวมทั้งทำกิจธุระอื่น ๆ ได้ภายใน 30 วัน โดยไม่ต้องขอรับการตรวจลงตรา โดยอาศัยประโยชน์จากประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2545 ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกำหนดให้ญี่ปุ่นเป็นประเทศหนึ่งที่ได้รับยกเว้นการตรวจลงตราหากพำนักในราชอาณาจักรไม่เกิน 30 วัน ในขณะที่ผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการไทย ซึ่งเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นจะต้องได้รับการตรวจลงตราจากเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐบาลญี่ปุ่นก่อนการเดินทาง ก่อให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันระหว่างไทย - ญี่ปุ่น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 19 เมษายน 2548--จบ--