ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 14, 2009 14:09 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป

ข้อเท็จจริง

กระทรวงการคลังเสนอว่า ปัจจุบันแนวโน้มความตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการเรียกเก็บอัตราอากรได้เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งความตกลงดังกล่าวได้กำหนดให้ประเทศภาคีสมาชิกจะต้องลดอัตราอากรตามสภาพลง แต่มีพิกัดอัตราอากรศุลกากรประเภทย่อยตามระบบพิกัดศุลกากรฮาร์โมไนซ์อาเซียน ฉบับปี ค.ศ.2007 (AHTN 2007) จำนวนหนึ่งซึ่งมีการจัดเก็บภาษีเฉพาะตามราคา โดยไม่มีการจัดเก็บภาษีตามสภาพ จึงไม่สามารถลดอัตราอากรตามสภาพลงเพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศดังกล่าวได้ และในทางกลับกันอาจให้เรียกเก็บอัตราอากรจากเดิมที่พิกัดอัตราศุลกากรกำหนดให้ไม่ต้องเสียอากร ดังนั้น เพื่อเพิ่มช่องทางให้มีความยืดหยุ่นตามข้อผูกพันตามสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ จึงสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อผูกพันและตามพันธกรณีระหว่างประเทศได้ โดยกระทรวงการคลังได้นำร่างกฎหมายนี้ รับฟังความคิดเห็นของประชาชน (Focus Group) และนำข้อเสนอต่างๆ มาปรับปรุง พร้อมทั้งได้นำร่างกฎหมายนี้เสนอคณะกรรมการพัฒนากฎหมายของกรมศุลกากรพิจารณาด้วยแล้ว

สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ

ยกเลิกความในมาตรา 4 และมาตรา 14 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 ดังนี้

พระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530                  ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดพิกัดอัตรา

ศุลกากร พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....

มาตรา 4 ของที่นำหรือพาเข้ามาในหรือส่งหรือพาออกไป           มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในมาตรา 4 แห่งพระราชกำหนดพิกัด
นอกราชอาณาจักรนั้น ให้เรียกเก็บและเสียอากรตามที่             อัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
กำหนดไว้ในพิกัดอัตราอากรท้ายพระราชกำหนดนี้                 “มาตรา 4 ของที่นำเข้ามาหรือพาเข้ามาในหรือส่งหรือพาออกไป
ในการคำนวณเงินอากรที่ต้องเสียหรือจ่ายคืนแต่ละ                นอกราชอาณาจักรนั้น  ให้เรียกเก็บและเสียอากรตามที่กำหนดไว้ใน
รายการ เศษของหนึ่งบาทให้ปัดทิ้ง”                          พระราชกำหนดนี้

ในการคำนวณเงินอากรที่ต้องเสียหรือจ่ายคืนแต่ละรายการ เศษของ

หนึ่งบาทให้ปัดทิ้ง”

มาตรา 4 ให้ยกเลิกความในมาตรา 14 แห่งพระราช

กำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 และให้ใช้ความ

ต่อไปนี้แทน

มาตรา 14 เพื่อปฏิบัติตามข้อผูกพันตามสัญญาหรือ                 “มาตรา 14 เพื่อปฏิบัติตามข้อผูกพันตามสัญญาหรือ
ความตกลงระหว่างประเทศที่เป็นประโยชน์แก่การเศรษฐกิจ         ความตกลงระหว่างประเทศที่เป็นประโยชน์แก่การเศรษฐกิจ
ของประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยความ           ของประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยความ
เห็นชอบของคณะรัฐมนตรี  มีอำนาจประกาศยกเว้น ลดหรือ         เห็นชอบของคณะรัฐมนตรี  มีอำนาจประกาศยกเว้น ลดหรือ
เพิ่มอากรจากอัตราที่กำหนดไว้ในพิกัดอัตราศุลกากร หรือ           เพิ่มอากรจากอัตราที่กำหนดไว้ในพิกัดอัตราศุลกากร หรือ
ประกาศเรียกเก็บอากรตามอัตราที่กำหนดไว้ในพิกัดอัตรา           ประกาศเรียกเก็บอากรตามอัตราที่กำหนดไว้ในพิกัดอัตรา
ศุลกากร  สำหรับของที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศที่ร่วมลงนาม         ศุลกากร  หรือกำหนดอัตราขึ้นใหม่ สำหรับของที่มีถิ่น
หรือลักษณะตามที่ระบุไว้ในสัญญาหรือความตกลงดังกล่าว            กำเนิดจากประเทศที่ร่วมลงนามหรือลักษณะตามที่ระบุไว้ใน
ทั้งนี้ จะกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขใด ๆ ไว้ด้วยก็ได้            สัญญาหรือความตกลงดังกล่าว ทั้งนี้ จะกำหนดหลักเกณฑ์
การประกาศ การยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงประกาศตาม             และเงื่อนไขใด ๆ ไว้ด้วยก็ได้
วรรคหนึ่ง ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา”                    การประกาศ การยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงประกาศตาม

วรรคหนึ่ง ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา”

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 13 ตุลาคม 2552 --จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ