คณะรัฐมนตรีเห็นชอบหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร.เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและ ร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
ข้อเท็จจริง
สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอว่า ในคราวประชุมคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ (ค.ต.ป.) ครั้งที่ 3/2552 เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2552 ได้พิจารณาเห็นชอบกับร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งร่างระเบียบฯ ดังกล่าวได้มีการแก้ไขเพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2552 และมีการเสนอแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนขององค์ประกอบ ค.ต.ป. และคุณสมบัติของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น
สาระสำคัญของร่างระเบียบ
1. แก้ไของค์ประกอบ ค.ต.ป. โดยให้ “ปลัดกระทรวงการคลัง” เป็นกรรมการแทน “ผู้อำนวยการกำกับและบริหารโครงการเปลี่ยนระบบการบริหารงานการงินการคลังโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์” เพิ่มปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นกรรมการ และเพิ่มกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จาก “จำนวนไม่น้อยกว่าห้าคนแต่ไม่เกินเจ็ดคน” เป็น “จำนวนไม่น้อยกว่าเจ็ดคนแต่ไม่เกินสิบคน” รวมทั้งเพิ่มกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการด้วย (ร่างข้อ 3 แก้ไขข้อ 5)
2. แก้ไขคุณสมบัติของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิโดยแก้ไขอายุ จาก “ไม่ต่ำกว่าสามสิบห้าปีบริบูรณ์” เป็น “ไม่ต่ำกว่าสี่สิบห้าปีบริบูรณ์” และแก้ไขความรู้และประสบการณ์ด้าน “การตรวจสอบการดำเนินการ” เป็น “การตรวจสอบและประเมินผล” รวมทั้งด้าน “การบริหาร” เป็น “การบริหารและการจัดการ” ตลอดจนเพิ่มความรู้และประสบการณ์ด้าน “การวางแผน” ด้วย (ร่างข้อ 5 แก้ไขข้อ 7)
3. ให้แก้ไขวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จาก “คราวละ 2 ปี” เป็น “คราวละ 4 ปี” (ร่างข้อ 6 แก้ไขข้อ 8)
4. กำหนดให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน ค.ต.ป. ที่แต่งตั้งตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ พ.ศ. 2548 ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนครบวาระ (ร่างข้อ 7)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 13 ตุลาคม 2552 --จบ--