คณะรัฐมนตรีเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ในฐานะผู้ประสานงานกลางแห่งชาติระหว่างประเทศไทย กับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ ตอบรับความตกลงการเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกอบรมและประชุมเชิงปฏิบัติการจำนวน 4 รายการ โดยเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติเป็นผู้ลงนาม ในความตกลงดังกล่าวได้
2. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการเป็นเจ้าภาพจัดฝึกอบรมและประชุมเชิงปฏิบัติการ ทั้ง 4 รายการได้
สาระสำคัญของเรื่อง
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายงานว่า
1. สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติได้รับการทาบทามจากทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศให้เป็นเจ้าภาพการฝึกอบรม และประชุมเชิงปฏิบัติการนานาชาติ 4 รายการ ดังนี้
1.1 การฝึกอบรม Regional Training Course on Basic Applications of Radiation Modification of Polymers for Agriculture ภายใต้โครงการ RAS/8/109 : Supporting Radiation Processing of Polymeric Materials for Agricultural Applications and Environmental Remediation ระหว่างวันที่ 19 — 23 ตุลาคม 2552 ที่กรุงเทพมหานคร
1.2 การประชุมเชิงปฏิบัติการ Workshop on Safety Assessment for Predisposal Radioactive Waste Management Facilities ภายใต้แผนการดำเนินงานของ The Asian Nuclear Safety Network (ANSN) ระหว่าง วันที่ 23 — 27 พฤศจิกายน 2552 ที่กรุงเทพมหานคร
1.3 การประชุมเชิงปฏิบัติการ Workshop on Periodic Safety Review of Research Reactors ภายใต้กรอบ Asian Nuclear Safety Network (ANSN) ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึง 4 ธันวาคม 2552 ที่กรุงเทพมหานคร
1.4 การฝึกอบรม FAO/IAEA Regional Training Course on Surveillance of Tephritid Fruit Flies in Support of Planning and Implementing Area — Wide Integrated Pest Management Programme ระหว่างวันที่ 7 — 11 ธันวาคม 2552 ที่กรุงเทพมหานคร
2. สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ได้แจ้งทาบทามไปยังสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ เพื่อพิจารณาเป็นเจ้าภาพจัดฝึกอบรมและประชุมเชิงปฏิบัติการในรายการที่ 1 ถึง 3 และแจ้งทาบทามไปยังกรมส่งเสริมการเกษตร พิจารณาในรายการที่ 4 ซึ่งสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ได้รับแจ้งจากทั้ง 2 หน่วยงานว่ายินดีรับเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกอบรมและการประชุมเชิงปฏิบัติการ 4 รายการข้างต้นแล้ว
3. เนื้อหาในความตกลงของทบวงการฯ ทั้ง 4 เรื่องข้างต้น เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศในประเทศไทย พ.ศ. 2505 โดยที่ประเทศไทยจะต้องให้เอกสิทธิและความคุ้มกันทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ สถานที่ ทรัพย์สิน สินทรัพย์ และบรรณสารของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ และให้ผู้แทนของสมาชิกและพนักงานของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ และผู้เชี่ยวชาญที่ปฏิบัติภารกิจเพื่อทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ ทั้งนี้ในระหว่างที่ปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทยหรือเข้ามาในประเทศไทย เพื่อปฏิบัติหน้าที่ หรือในการปฏิบัติภารกิจเกี่ยวกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ ได้รับสิทธิและความคุ้มกันตามที่ระบุไว้ในความตกลงว่าด้วยเอกสิทธิ และความคุ้มกันของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศฉบับที่คณะผู้ว่าการของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศได้ให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2502 เพียงเท่าที่รัฐบาลได้รับใช้บทแห่งความตกลงนั้น หรือความตกลงที่รัฐบาลได้ทำไว้ หรือจะได้ทำต่อไปกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ
4. การฝึกอบรมตามข้อ 1.1 เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานภายใต้ความร่วมมือที่ประเทศไทยมีกับ Regional Co — operative Agreement (RCA) ตามความตกลงส่วนภูมิภาคว่าด้วยความร่วมมือเกี่ยวกับการวิจัย พัฒนา และฝึกอบรมในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์ ค.ศ. 1987 (Regional Co — operative Agreement for Research, Development and Training Related to Nuclear Science and Technology ค.ศ.1987)
5. สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ โดยกลุ่มกฎหมายและสนธิสัญญาได้พิจารณาตีความหนังสือความตกลงเป็นเจ้าภาพทั้ง 4 เรื่องในเบื้องต้นแล้ว โดยมีความเห็นว่าหนังสือความตกลงของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ ดังกล่าว ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 190 เพราะเนื้อหาของความตกลงนั้นมิได้มีบทบัญญัติเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทย หรือเขตพื้นที่นอกอาณาเขตซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย หรือมีเขตอำนาจตามหนังสือสัญญาหรือตามกฎหมายระหว่างประเทศ หรือจะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญา หรือมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ หรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุนหรืองบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ แต่อย่างใด จึงไม่จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา
6. สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ได้พิจารณาประเด็นข้อคิดเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ที่มีต่อการจัดประชุม IAEA/RCA Final Progress Review Meeting of the RCA Project on Raising Productivity in the Coal, Minerals and Petrochemical Industries by using Nucleonic Analysis Systems and Radiotracers ระหว่างวันที่ 9 — 17 มีนาคม 2552 ณ กรุงเทพมหานคร ที่ผ่านมา โดยกระทรวงการต่างประเทศได้รับทราบความจากทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ ถึงความหมายของคำว่า Participants” ในหนังสือความตกลงของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศว่า เป็นบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการของรัฐสมาชิกเท่านั้น ซึ่งก็คือผู้แทนของรัฐสมาชิก กระทรวงการต่างประเทศจึงไม่มีข้อขัดข้องต่อความในข้อ 1 ของหนังสือความตกลงของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 13 ตุลาคม 2552 --จบ--