คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยืมเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร จำนวน 300 ล้านบาท โดยไม่เสียดอกเบี้ย กำหนดชำระคืนภายในวันที่ 30 ตุลาคม 2553 เพื่อนำไปดำเนินการโครงการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนากลุ่มเกษตรกร ตามมติคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2548 ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำกับดูแลการดำเนินการใช้จ่ายเงินให้เกิดความรอบคอบและเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า
1. กรมส่งเสริมสหกรณ์เสนอขออนุมัติจัดสรรเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร จำนวน 300 ล้านบาท เพื่อดำเนินการตามโครงการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนากลุ่มเกษตรกร โดยสรุปสาระสำคัญของโครงการฯ ดังนี้
1.1 วัตถุประสงค์
- เพื่อพัฒนากลุ่มเกษตรกรในการส่งเสริมการผลิตผลิตผลเกษตรกรรมขั้นต้นและผลิตภัณฑ์อาหาร ตามพระราชบัญญัติกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร พ.ศ. 2517
- เพื่อสนับสนุนให้สมาชิกกลุ่มเกษตรกรมีฐานะมั่นคง
1.2 เป้าหมาย ให้การสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนแก่กลุ่มเกษตรกร จำนวน 1,000 กลุ่ม โดยคัดเลือกจากกลุ่มที่ได้มาตรฐาน จำนวน 1,179 กลุ่ม (ข้อมูลปี 2547) และกลุ่มที่ได้มาตรฐานในปี 2548-2553
1.3 ระยะเวลาดำเนินการ ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2548 ถึงตุลาคม 2553 รวม 5 ปี
1.4 งบประมาณ เป็นเงินกู้ยืมปลอดดอกเบี้ยจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร จำนวน 300 ล้านบาท
1.5 แผนการดำเนินการโครงการ
1.5.1 การพิจารณาจัดสรรเงินกู้ให้กลุ่มเกษตรกร
(1) กรมส่งเสริมสหกรณ์จะจัดสรรเงินกู้ให้กลุ่มเกษตรกรที่ได้มาตรฐานและตามหลักเกณฑ์ที่กรมส่งเสริมสหกรณ์กำหนด
(2) กลุ่มเกษตรกรที่ประสงค์จะขอรับการสนับสนุนต้องจัดทำโครงการส่งเสริมการผลิตหรือการจำหน่ายผลิตผลเกษตรกรรมขั้นต้นและผลิตภัณฑ์อาหารเสนอกรมส่งเสริมสหกรณ์พิจารณา ซึ่งกรมส่งเสริม สหกรณ์จะพิจารณาเงินทุนหมุนเวียนให้กลุ่มเกษตรกรกู้ยืมระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี โดยมีเงื่อนไขการคิดอัตราดอกเบี้ย ดังนี้
- กรมส่งเสริมสหกรณ์คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมกับกลุ่มเกษตรกรในอัตราไม่เกินร้อยละ 3 ต่อปี ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยที่กรมส่งเสริมสหกรณ์จะคิดกับกลุ่มเกษตรกรแต่ละกลุ่มขึ้นอยู่กับมาตรฐานกลุ่มเกษตรกรตามหลักเกณฑ์ที่กรมส่งเสริมสหกรณ์กำหนด
- ในกรณีที่กลุ่มเกษตรกรนำเงินที่ได้รับจัดสรรให้เกษตรกรสมาชิกกู้ยืมเพื่อนำไปผลิตหรือจำหน่ายผลิตผลเกษตรกรรมขั้นต้นหรือผลิตภัณฑ์อาหารให้กลุ่มเกษตรกรคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมได้ไม่เกินร้อยละ 6 ต่อปี
1.5.2 แผนการเบิกจ่ายเงินและแผนการคืนเงินโครงการ
กรมส่งเสริมสหกรณ์ขอเบิกจ่ายจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรภายในเดือนตุลาคม 2548 เพื่อนำไปจ่ายเงินกู้แก่กลุ่มเกษตรกรเป็นเงินกู้ระยะสั้น ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี โดยคิดดอกเบี้ยในอัตราไม่เกินร้อยละ 3 ต่อปี และให้กลุ่มเกษตรกรปล่อยเงินกู้แก่สมาชิกในอัตราไม่เกินร้อยละ 6 ต่อปี และจะนำเงินกู้ที่ได้รับคืนจากกลุ่มเกษตรกรหมุนเวียนให้กลุ่มเกษตรกรใหม่ในปีต่อ ๆ ไป จนครบ 5 ปี
ประมาณการรายรับ-รายจ่าย
- รายได้ ดอกเบี้ยรับจากเงินให้กลุ่มเกษตรกรกู้ไม่เกินร้อยละ 3 ต่อปี (เฉลี่ยร้อยละ 1.5 ต่อปี) เป็นเงิน 4.5 ล้านบาทต่อปี รวม 5 ปี เป็นเงิน 22.50 ล้านบาท
- ผลตอบแทนจากการดำเนินโครงการ 22.50 ล้านบาท
1.6 ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1.6.1 กลุ่มเกษตรกรจำนวน 1,000 กลุ่ม สามารถมีเงินทุนหมุนเวียนในการพัฒนาศักยภาพในการดำเนินธุรกิจได้อย่างกว้างขวางรวดเร็ว และจัดหาวัสดุอุปกรณ์การผลิตมาบริการสมาชิกได้อย่างทั่วถึงมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับความต้องการของสมาชิก
1.6.2 สมาชิกกลุ่มเกษตรกรมีเงินทุนเพียงพอในการประกอบอาชีพการเกษตร การสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยการแปรรูปสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์อาหาร การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ และมีรายได้เพิ่มขึ้นเพียงพอแก่การดำรงชีพ
1.6.3 กลุ่มเกษตรกรสามารถพัฒนาธุรกิจให้สอดคล้องกับภาวะตลาด และสามารถแก้ไขปัญหาด้านการตลาดผลิตผลเกษตรหรือผลิตภัณฑ์เกษตรให้กับสมาชิกได้ระดับหนึ่ง และสามารถเปลี่ยนฐานะเป็น สหกรณ์เพื่อใช้บริการเงินกู้จากกองทุนพัฒนาสหกรณ์
1.6.4 กลุ่มเกษตรกรมีการพัฒนาหรือแปรรูปผลิตผลหรือผลิตภัณฑ์อาหารของสมาชิกกลุ่มจนเป็นสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้สมาชิกมีรายได้จากการประกอบอาชีพและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
1.6.5 กลุ่มเกษตรกรที่ได้รับเงินกู้ไปดำเนินธุรกิจช่วยเหลือสมาชิกกลุ่มแล้ว และพัฒนาจนสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างน้อย 3 ธุรกิจ คือ ธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่าย ธุรกิจรวบรวมผลผลิต และธุรกิจสินเชื่อ เพื่อการผลิตผลิตผลเกษตรกรรมขั้นต้นและผลิตภัณฑ์อาหาร โดยปริมาณธุรกิจเพียงพอสามารถบริการสมาชิกได้อย่างทั่วถึง ผลการดำเนินงานมีกำไรสุทธิ สามารถจัดจ้างพนักงานได้อย่างน้อย 3 คน ได้แก่ ผู้จัดการหรือผู้ช่วยจัดการพนักงานบัญชีและพนักงานการตลาด ผลการดำเนินกิจการไม่พบข้อบกพร่อง หรือมีข้อบกพร่องต้องได้รับการแก้ไขข้อบกพร่องเรียบร้อยแล้ว และมีทุนดำเนินงานเป็นของตนเองไม่น้อยกว่าร้อยละสิบของทุนดำเนินงานทั้งหมด กรมส่งเสริมสหกรณ์จะสนับสนุนให้เปลี่ยนฐานะเป็นสหกรณ์ เพื่อสามารถใช้บริการเงินกู้จากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ได้
2. คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 8/2548 เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2548 ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ยืมเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร จำนวน 300 ล้านบาท โดยไม่เสียดอกเบี้ย กำหนดชำระคืนภายในวันที่ 30 ตุลาคม 2553 เพื่อนำไปดำเนินการตามโครงการดังกล่าว โดยให้กลุ่มเกษตรกรกู้ยืมเงินในอัตราไม่เกินร้อยละ 3 และให้กลุ่มเกษตรกรจ่ายเงินกู้ยืมให้แก่สมาชิกในอัตรา ไม่เกินร้อยละ 6 ต่อปี สำหรับดอกผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานเฉพาะในส่วนของกรมส่งเสริมสหกรณ์ให้นำส่งคืนกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 12 กันยายน 2549--จบ--
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า
1. กรมส่งเสริมสหกรณ์เสนอขออนุมัติจัดสรรเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร จำนวน 300 ล้านบาท เพื่อดำเนินการตามโครงการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนากลุ่มเกษตรกร โดยสรุปสาระสำคัญของโครงการฯ ดังนี้
1.1 วัตถุประสงค์
- เพื่อพัฒนากลุ่มเกษตรกรในการส่งเสริมการผลิตผลิตผลเกษตรกรรมขั้นต้นและผลิตภัณฑ์อาหาร ตามพระราชบัญญัติกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร พ.ศ. 2517
- เพื่อสนับสนุนให้สมาชิกกลุ่มเกษตรกรมีฐานะมั่นคง
1.2 เป้าหมาย ให้การสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนแก่กลุ่มเกษตรกร จำนวน 1,000 กลุ่ม โดยคัดเลือกจากกลุ่มที่ได้มาตรฐาน จำนวน 1,179 กลุ่ม (ข้อมูลปี 2547) และกลุ่มที่ได้มาตรฐานในปี 2548-2553
1.3 ระยะเวลาดำเนินการ ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2548 ถึงตุลาคม 2553 รวม 5 ปี
1.4 งบประมาณ เป็นเงินกู้ยืมปลอดดอกเบี้ยจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร จำนวน 300 ล้านบาท
1.5 แผนการดำเนินการโครงการ
1.5.1 การพิจารณาจัดสรรเงินกู้ให้กลุ่มเกษตรกร
(1) กรมส่งเสริมสหกรณ์จะจัดสรรเงินกู้ให้กลุ่มเกษตรกรที่ได้มาตรฐานและตามหลักเกณฑ์ที่กรมส่งเสริมสหกรณ์กำหนด
(2) กลุ่มเกษตรกรที่ประสงค์จะขอรับการสนับสนุนต้องจัดทำโครงการส่งเสริมการผลิตหรือการจำหน่ายผลิตผลเกษตรกรรมขั้นต้นและผลิตภัณฑ์อาหารเสนอกรมส่งเสริมสหกรณ์พิจารณา ซึ่งกรมส่งเสริม สหกรณ์จะพิจารณาเงินทุนหมุนเวียนให้กลุ่มเกษตรกรกู้ยืมระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี โดยมีเงื่อนไขการคิดอัตราดอกเบี้ย ดังนี้
- กรมส่งเสริมสหกรณ์คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมกับกลุ่มเกษตรกรในอัตราไม่เกินร้อยละ 3 ต่อปี ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยที่กรมส่งเสริมสหกรณ์จะคิดกับกลุ่มเกษตรกรแต่ละกลุ่มขึ้นอยู่กับมาตรฐานกลุ่มเกษตรกรตามหลักเกณฑ์ที่กรมส่งเสริมสหกรณ์กำหนด
- ในกรณีที่กลุ่มเกษตรกรนำเงินที่ได้รับจัดสรรให้เกษตรกรสมาชิกกู้ยืมเพื่อนำไปผลิตหรือจำหน่ายผลิตผลเกษตรกรรมขั้นต้นหรือผลิตภัณฑ์อาหารให้กลุ่มเกษตรกรคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมได้ไม่เกินร้อยละ 6 ต่อปี
1.5.2 แผนการเบิกจ่ายเงินและแผนการคืนเงินโครงการ
กรมส่งเสริมสหกรณ์ขอเบิกจ่ายจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรภายในเดือนตุลาคม 2548 เพื่อนำไปจ่ายเงินกู้แก่กลุ่มเกษตรกรเป็นเงินกู้ระยะสั้น ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี โดยคิดดอกเบี้ยในอัตราไม่เกินร้อยละ 3 ต่อปี และให้กลุ่มเกษตรกรปล่อยเงินกู้แก่สมาชิกในอัตราไม่เกินร้อยละ 6 ต่อปี และจะนำเงินกู้ที่ได้รับคืนจากกลุ่มเกษตรกรหมุนเวียนให้กลุ่มเกษตรกรใหม่ในปีต่อ ๆ ไป จนครบ 5 ปี
ประมาณการรายรับ-รายจ่าย
- รายได้ ดอกเบี้ยรับจากเงินให้กลุ่มเกษตรกรกู้ไม่เกินร้อยละ 3 ต่อปี (เฉลี่ยร้อยละ 1.5 ต่อปี) เป็นเงิน 4.5 ล้านบาทต่อปี รวม 5 ปี เป็นเงิน 22.50 ล้านบาท
- ผลตอบแทนจากการดำเนินโครงการ 22.50 ล้านบาท
1.6 ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1.6.1 กลุ่มเกษตรกรจำนวน 1,000 กลุ่ม สามารถมีเงินทุนหมุนเวียนในการพัฒนาศักยภาพในการดำเนินธุรกิจได้อย่างกว้างขวางรวดเร็ว และจัดหาวัสดุอุปกรณ์การผลิตมาบริการสมาชิกได้อย่างทั่วถึงมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับความต้องการของสมาชิก
1.6.2 สมาชิกกลุ่มเกษตรกรมีเงินทุนเพียงพอในการประกอบอาชีพการเกษตร การสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยการแปรรูปสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์อาหาร การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ และมีรายได้เพิ่มขึ้นเพียงพอแก่การดำรงชีพ
1.6.3 กลุ่มเกษตรกรสามารถพัฒนาธุรกิจให้สอดคล้องกับภาวะตลาด และสามารถแก้ไขปัญหาด้านการตลาดผลิตผลเกษตรหรือผลิตภัณฑ์เกษตรให้กับสมาชิกได้ระดับหนึ่ง และสามารถเปลี่ยนฐานะเป็น สหกรณ์เพื่อใช้บริการเงินกู้จากกองทุนพัฒนาสหกรณ์
1.6.4 กลุ่มเกษตรกรมีการพัฒนาหรือแปรรูปผลิตผลหรือผลิตภัณฑ์อาหารของสมาชิกกลุ่มจนเป็นสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้สมาชิกมีรายได้จากการประกอบอาชีพและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
1.6.5 กลุ่มเกษตรกรที่ได้รับเงินกู้ไปดำเนินธุรกิจช่วยเหลือสมาชิกกลุ่มแล้ว และพัฒนาจนสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างน้อย 3 ธุรกิจ คือ ธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่าย ธุรกิจรวบรวมผลผลิต และธุรกิจสินเชื่อ เพื่อการผลิตผลิตผลเกษตรกรรมขั้นต้นและผลิตภัณฑ์อาหาร โดยปริมาณธุรกิจเพียงพอสามารถบริการสมาชิกได้อย่างทั่วถึง ผลการดำเนินงานมีกำไรสุทธิ สามารถจัดจ้างพนักงานได้อย่างน้อย 3 คน ได้แก่ ผู้จัดการหรือผู้ช่วยจัดการพนักงานบัญชีและพนักงานการตลาด ผลการดำเนินกิจการไม่พบข้อบกพร่อง หรือมีข้อบกพร่องต้องได้รับการแก้ไขข้อบกพร่องเรียบร้อยแล้ว และมีทุนดำเนินงานเป็นของตนเองไม่น้อยกว่าร้อยละสิบของทุนดำเนินงานทั้งหมด กรมส่งเสริมสหกรณ์จะสนับสนุนให้เปลี่ยนฐานะเป็นสหกรณ์ เพื่อสามารถใช้บริการเงินกู้จากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ได้
2. คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 8/2548 เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2548 ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ยืมเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร จำนวน 300 ล้านบาท โดยไม่เสียดอกเบี้ย กำหนดชำระคืนภายในวันที่ 30 ตุลาคม 2553 เพื่อนำไปดำเนินการตามโครงการดังกล่าว โดยให้กลุ่มเกษตรกรกู้ยืมเงินในอัตราไม่เกินร้อยละ 3 และให้กลุ่มเกษตรกรจ่ายเงินกู้ยืมให้แก่สมาชิกในอัตรา ไม่เกินร้อยละ 6 ต่อปี สำหรับดอกผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานเฉพาะในส่วนของกรมส่งเสริมสหกรณ์ให้นำส่งคืนกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 12 กันยายน 2549--จบ--