เรื่อง เสนอของบประมาณโครงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ของสำนักงานอัยการสูงสุดตามแผนแม่บทการบริหาร
งานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2552-2555 และแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. 2552-2555
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้สำนักงานอัยการสูงสุดดำเนินงานตามโครงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ของสำนักงานอัยการสูงสุดตามแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2552-2555 และแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. 2552-2555 ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ประธานคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติเสนอ สำหรับงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการฯ นั้น ให้สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมที่ต้องใช้จ่ายในแต่ละปีต่อไป ซึ่งเป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
สาระสำคัญของเรื่อง
รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ประธานคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ รายงานว่า
1. คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติได้ประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 3/2552 เมื่อวันพุธที่ 15 กรกฎาคม 2552 เพื่อพิจารณากำหนดแนวทางการแปลงแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2552-2555 และแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. 2552-2555 สู่การปฏิบัติร่วมกัน ผลการประชุมคณะกรรมการฯ ได้มีมติ ดังนี้
1.1 เห็นชอบกรอบแนวทางการดำเนินงาน แผนงาน/โครงการที่สำคัญตามยุทธศาสตร์ของแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2552-2555 จำนวน 24 โครงการ/แผนงาน และแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. 2552-2555 จำนวน 9 โครงการ/แผนงาน
1.2 เห็นชอบในประเด็นความร่วมมือของหน่วยงานหลักในกระบวนการยุติธรรมที่ได้กำหนดประเด็นสำคัญตามยุทธศาสตร์แผนแม่บทฯ ไว้ 6 เรื่อง ได้แก่
1.2.1 การเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมายให้กับประชาชน เห็นชอบให้มีคณะกรรมการร่วมกันระหว่างหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเพื่อพิจารณากำหนดเนื้อหาองค์ความรู้ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมที่จะเผยแพร่ให้กับประชาชน รวมถึงพิจารณากลุ่มเป้าหมายและพื้นที่ดำเนินการ โดยให้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553
1.2.2 การส่งเสริมกระบวนการยุติธรรมทางเลือก เห็นชอบในการพัฒนาแนวทางการดำเนินงานร่วมกัน โดยมีผู้แทนของแต่ละหน่วยงานร่วมพิจารณาแนวทางการขับเคลื่อน
1.2.3 การก่อสร้างอาคารของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมให้อยู่ในบริเวณพื้นที่เดียวกัน เห็นชอบในหลักการและมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการไปศึกษารวบรวมข้อมูลทั้งในส่วนของมติคณะรัฐมนตรีและรายละเอียดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งจัดทำสรุปรายละเอียดพื้นที่ที่จะใช้ของแต่ละหน่วยงานให้ชัดเจน ทั้งในส่วนของระดับอำเภอและระดับจังหวัด
1.2.4 การเชื่อมโยงฐานข้อมูลในกระบวนการยุติธรรม เห็นชอบในการเชื่อมโยงฐานข้อมูลระหว่างหน่วยงานร่วมกัน โดยมอบหมายฝ่ายเลขานุการศึกษาปัญหาอุปสรรคการดำเนินงานต่าง ๆ
1.2.5 การจัดตั้งกลไกประสานและพัฒนากระบวนการยุติธรรมระดับพื้นที่ โดยเห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานประสานงานระหว่างส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
1.2.6 การพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรม (ซึ่งเป็นเจ้าภาพหลักในการกำหนดหลักสูตร) ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนากำหนดหลักสูตรที่สอดคล้องตามยุทธศาสตร์แผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2552-2555
1.3 เห็นชอบเรื่องงบประมาณโครงการเร่งด่วน จำนวน 3 โครงการ ได้แก่
1.31 โครงการพัฒนาศูนย์เชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลกระบวนการยุติธรรมและพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศกระบวนการยุติธรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
1.3.2 โครงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของสำนักงานอัยการสูงสุด
1.3.3 โครงการก่อสร้างอาคารของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมให้อยู่ในบริเวณอาคารหรือพื้นที่เดียวกัน โดยในระยะแรกเริ่มต้นที่อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่
2. สำนักงานอัยการสูงสุดได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการดำเนินงานโครงการนำร่องระบบเทคโนโลยีสารสนเทศกระบวนการยุติธรรมต้นแบบ ระหว่างหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2551 เพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นไปตามแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. 2552-2555 แต่ในปัจจุบันสำนักงานอัยการสูงสุดยังไม่สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ตามแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. 2552-2555 เนื่องจากปัญหา ดังนี้
2.1 โปรแกรมสารบบคดีอิเล็กทรอนิกส์ของสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นโปรแกรมในการจัดเก็บข้อมูลคดีที่พัฒนาขึ้นแบบใช้งานเอกเทศ ยังไม่ได้พัฒนาในลักษณะที่ทำให้สามารถรองรับระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลในกระบวนการยุติธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.2 เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายที่ใช้ในปัจจุบันของสำนักงานอัยการสูงสุด ไม่สามารถรับรองภาระงานและปริมาณการโอนถ่ายข้อมูลในจำนวนมากได้ จึงทำให้ระบบข้อมูลต้นน้ำของสำนักงานอัยการสูงสุดที่จำเป็นต้องใช้ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลในกระบวนการยุติธรรมมีปัญหาและไม่เป็นปัจจุบัน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนของการใช้ข้อมูลในกระบวนการยุติธรรมได้
2.3 ปริมาณของเครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่ายที่ใช้ในการทำงานด้านสำนวนคดีไม่เพียงพอต่อจำนวนบุคลากรที่ทำงานเพื่อทำการปฏิบัติงานเก็บข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ด้านสำนวนคดี อีกทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่ายบางส่วนที่สำนักงานอัยการสูงสุดใช้งานมีอายุการใช้งานมานานกว่า 5 ปี ทำให้ปัจจุบันไม่สามารถรองรับการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดอุปสรรคและความล่าช้าในการนำเข้าข้อมูลสำนวนคดีเพื่อนำมาใช้แลกเปลี่ยนในกระบวนการยุติธรรม
2.4 การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายในภาพรวมไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอเพื่อรองรับภาระงานปัจจุบันและโดยเฉพาะเพื่อรองรับการเชื่อมต่อภายนอกกับกระบวนการยุติธรรมซึ่งจะมีความเสี่ยงสูงขึ้นอย่างยิ่ง ทำให้มีโอกาสที่ถูกจารกรรมข้อมูลหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ ซึ่งจะทำให้ข้อมูลที่จะทำการแลกเปลี่ยนเกิดความไม่น่าเชื่อถือขึ้นได้และทำให้ข้อมูลในกระบวนการยุติธรรมในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เกิดผิดพลาดขึ้นได้
2.5 ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของสำนักงานอัยการสูงสุด ที่มีขอบเขตครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งระบบเครื่องแม่ข่ายและลูกข่าย ทำให้การบริหารจัดการและบำรุงรักษา มีความจำเป็นต้องมีจำนวนบุคลากรและทักษะ ที่เพียงพอจึงจะสามารถบริหารจัดการดูแลและบำรุงรักษาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของสำนักงานฯ ให้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ซึ่งในปัจจุบันสำนักงานอัยการสูงสุดประสบปัญหาในด้านนี้มาก ปัญหานี้อาจจะมีผลต่อการทำงานในกระบวนการยุติธรรมหากมิได้ดำเนินการอย่างเหมาะสม ดังนั้น สำนักงานอัยการสูงสุดจึงต้องมีกลยุทธ์ที่ผสมผสานระหว่างการพัฒนาบุคลากรของสำนักงานฯ ให้มีทักษะเพียงพอและจัดหาผู้ให้บริการเอกชนเข้ามาร่วมในการบริหารระบบเทคโนโลยีสารสนเทศโดยเฉพาะในส่วนของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ติดตั้งในสำนักงานทั่วประเทศ ซึ่งต้องใช้บุคลากรมาก
3. สำนักงานอัยการสูงสุดจำเป็นต้องปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและพัฒนาบุคลากรให้มีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานเพื่อให้สามารถรองรับกิจการภาระงานตามแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. 2552-2555 เพื่อให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุดมีความต้องการเชื่อมต่อกับระบบในกระบวนการยุติธรรมเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ทั้งในฐานะผู้รับและผู้ส่ง เพื่อให้หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมได้รับข้อมูลที่ถูกต้องมีประสิทธิภาพและมีความน่าเชื่อถือ อีกทั้งมีความมั่นคงปลอดภัยกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของสำนักงานอัยการสูงสุด จึงได้จัดทำโครงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อปรับปรุงพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของสำนักงานอัยการสูงสุด ให้สามารถรองรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลในกระบวนการยุติธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 20 ตุลาคม 2552 --จบ--