ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการดำเนินโครงการตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 ครั้งที่ 3/2552

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 28, 2009 14:50 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอทั้ง 2 ข้อ ดังนี้

1. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการดำเนินโครงการตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 ครั้งที่ 3/2552

2. เห็นชอบการปรับชื่อคณะกรรมการฯ จากคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการดำเนินโครงการตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 เป็น คณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 เพื่อให้มีความสอดคล้องกับบทบาทหน้าที่ในการดำเนินงานต่อไป

สาระสำคัญของเรื่อง

สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกเจและสังคมแห่งชาติ (สศช) รายงานว่า ตามที่คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการดำเนินโครงการตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 ซึ่งมี นายพนัส สิมะเสถียร เป็นประธานฯ ได้มีการประชุมครั้งที่ 3/2552 เมื่อวันที่ 23 กันยายน เวลา 14.00 — 16.00 น. ณ ห้องประชุม เดช สนิทวงศ์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นั้น สศช. ได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการฯ ดังนี้

1. การจัดสรรเงิน พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ให้โครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 เพิ่มเติมวงเงิน 150,000 ล้านบาท

1.1 จากประมาณการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลที่มีแนวโน้มดีขึ้น ส่งผลให้การกู้เงินเพื่อชดเชยเงินคงคลังอาจลดลงเหลือเพียง 50,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้สามารถมีเงินกู้เพื่อสนับสนุนโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 เพิ่มเติมอีก 150,000 ล้านบาทนั้น คณะกรรมการฯ เห็นว่า กระทรวงการคลังควรพิจารณาจำนวนเงินสำหรับชดเชยเงินคงคลังที่ชัดเจนก่อนการพิจารณาจัดสรรเงินกู้เพิ่มเติมให้แก่โครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555

1.2 นอกจากนี้ การปรับโครงสร้างการจัดสรรงบประมาณตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 นั้น กระทรวงการคลังควรรายงานเรื่องดังกล่าวต่อรัฐสภา เพื่อให้ทราบถึงโครงสร้างการจัดสรรเงินกู้ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม สำหรับการจัดสรรวงเงินจากพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติมอีก 150,000 ล้านบาท นั้น ควรให้ความสำคัญกับโครงการที่อยู่ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2552 เป็นลำดับแรก ทั้งนี้ ให้ระมัดระวังการดำเนินการที่อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะในมาตรา 167 วรรคแรก ประเด็นการเพิ่มเติม/เปลี่ยนแปลงรายการ/โครงการ ที่จะต้องมีรายละเอียดแผนงาน/โครงการ รวมถึงเอกสารที่ครบถ้วนด้วย

2. การติดตามความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555

2.1 กรมทางหลวง กรมการขนส่งทางบก และกระทรวงการคลังได้เริ่มดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 โดยมีผลการดำเนินงานดังนี้

1) กรมทางหลวง ประกอบด้วย 1) โครงการบูรณะทางหลวงสายหลักได้ผู้รับจ้างคิดเป็นร้อยละ 70.98 และอยู่ระหว่างการจัดซื้อจัดจ้างร้อยละ 29.02 ของโครงการทั้งหมด 2) งานพัฒนาทางหลวง (โครงการย่อย) สามารถลงนามในสัญญาได้คิดเป็นร้อยละ 70.62 ได้ผู้รับจ้างคิดเป็นร้อยละ 19.97 และอยู่ระหว่างการจัดซื้อจัดจ้างร้อยละ 9.41 ของโครงการทั้งหมด 3) งานบำรุงรักษาทางหลวง สามารถลงนามในสัญญาได้คิดเป็นร้อยละ 69.50 ได้ผู้รับจ้างคิดเป็นร้อยละ 23.72 และอยู่ระหว่างการจัดซื้อจัดจ้างร้อยละ 6.78 ของโครงการทั้งหมด และ 4) งานอำนวยความปลอดภัย สามารถลงนามในสัญญาได้คิดเป็นร้อยละ 60 ได้ผู้รับจ้างคิดเป็นร้อยละ 40 ของโครงการทั้งหมด

โดย ณ วันที่ 9 กันยายน 2552 สามารถผูกพันสัญญาดำเนินการได้เฉลี่ยร้อยละ 35.31 ของโครงการทั้งหมด และคาดว่าภายในเดือนธันวาคม 2552 จะสามารถผูกพันสัญญาได้ร้อยละ 99.03 ของโครงการทั้งหมด

2) กรมการขนส่งทางบก สำนักงบประมาณเห็นชอบแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงิน โครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ส่วนที่จะใช้แหล่งเงินจาก พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 วงเงินเบิกจ่าย 1,183 ล้านบาท แล้ว

3) กระทรวงการคลัง วันที่ 21 กันยายน 2552 ได้เริ่มเบิกจ่ายเงินในส่วนแผนการเพิ่มทุนให้แก่สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ 5 แห่ง วงเงิน 10,000 ล้านบาทแล้ว และจะมีการเบิกจ่ายเงินสำหรับแผนดังกล่าวอีกครั้งในวันที่ 28 กันยายน 2552 อีกประมาณ 4,500 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 14,500 ล้านบาท

2.2 คณะกรรมการฯ มีความเห็นเกี่ยวกับการรายงานผลความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ดังนี้

2.2.1 การรายงานผลการดำเนินโครงการ ควรรายงานข้อมูลที่สะท้อนให้เห็นผลการดำเนินงานที่ชัดเจน เช่น ในกรณีการก่อสร้างถนน อาจพิจารณารายงานข้อมูล สัดส่วนของวงเงินลงทุนโครงการที่สามารถจัดจ้างได้ ระยะทาง/จำนวนเส้นทางที่สามารถลงนามในสัญญา ระยะทาง/จำนวนเส้นทางที่ได้ผู้รับจ้าง และระยะเวลาที่โครงการจะแล้วเสร็จ เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อให้คณะกรรมการฯ สามารถประเมินผลการดำเนินโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2.2.2 การดำเนินโครงการแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็. 2555 จำเป็นต้องมีการตรวจสอบความซ้ำซ้อนของโครงการ ทั้งในส่วนที่ใช้แหล่งเงินลงทุนจากพระราชกำหนดฯ วงเงิน 2 แสนล้านบาท ร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศราฐกิจ พ.ศ. .... วงเงิน 400,000 ล้านบาท และงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 เนื่องจากในระยะต่อไป อาจมีการเสนอขออนุมัติโครงการเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจทำให้เกิดความซ้ำซ้อนของโครงการได้ นอกจากนี้ ในการติดตามประเมินผลโครงการ ควรมีการตรวจสอบความเหมาะสมของราคาวัสดุ/อุปกรณ์ และต้นทุนต่อหน่วยในการดำเนินโครงการเปรียบเทียบกับราคากลางอย่างรอบคอบด้วย ทั้งนี้ สำนักงบประมาณควรเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการตรวจสอบความซ้ำซ้อนของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ทั้งหมด รวมทั้งพิจารณาความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามระเบียบการบริหารงบประมาณอย่างละเอียด ทั้งนี้ เพื่อให้การใช้จ่ายเงินเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

2.2.3 สำหรับหน่วยงานที่ได้รับอนุมัติโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ วงเงิน 200,000 ล้านบาท แต่มีความประสงค์จะเปลี่ยนแปลงโครงการ ควรกำหนดหลักเกณฑ์ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการนำโครงการดังกล่าวเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 เพื่อพิจารณาตามขั้นตอนและนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินอย่างมีประสิทธิภาพ

3. การปรับชื่อคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการดำเนินโครงการตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2

สืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2552 เห็นชอบการเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) เป็นประธาน ทำหน้าที่ติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายเงินตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 (Stimulus Package 2 : SP2) ด้วย ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงาน คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการดำเนินโครงการตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 จะ ทำหน้าที่ในส่วนการติดตามประเมินผลโครงการเท่านั้น และเพื่อให้การกำหนดชื่อของคณะกรรมการฯ มีความสอดคลัองกับอำนาจหน้าที่ คณะกรรมการฯ จึงเห็นควรพิจารณาปรับชื่อคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการดำเนินโครงการตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 เป็น “คณะกรรมการติดตามประเมิมผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555”

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 27 ตุลาคม 2552 --จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ