คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาล ในไตรมาสที่ 4 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
สาระสำคัญของเรื่อง
กระทรวงการคลัง (กค.) รายงานว่า
1. ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 กระทรวงการคลังมียอดตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ-เงินสดจ่ายของรัฐบาล จำนวน 147,000 ล้านบาท ซึ่งวงเงินดังกล่าวแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 เป็นวงเงินที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณที่สะสมมาในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2542-2547 จำนวน 67,000 ล้านบาท และส่วนที่ 2 เป็นวงเงินที่ได้ขออนุมัติเพิ่มเติมในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 เพื่อนำมาใช้ในการบริหารเงินสดของรัฐบาล จำนวน 80,000 ล้านบาท และในเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม 2552 กค.ได้ดำเนินการออกตั๋วเงินคลังโดยใช้วงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวน 153,000 ล้านบาท ทำให้มียอดตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ-เงินสดจ่ายของรัฐบาลเพิ่มขึ้น จำนวน 147,000 ล้านบาท เป็นจำนวน 300,000 ล้านบาท
2. ในไตรมาสที่ 4 ปีงบประมณ พ.ศ. 2552 กค.ได้ดำเนินการแปลงตั๋วเงินคลังให้เป็นพันธบัตรรัฐบาล จำนวน 19,000 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้จำนวน 2 รุ่น โดยมีเงื่อนไขและรายละเอียด ดังนี้
2.1 พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ครั้งที่ 4 (LB145B) อายุคงเหลือ 4.73 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.25 ต่อปี จำนวน 11,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการ Re-open พันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ครั้งที่ 1 ทำให้ปริมาณพันธบัตรรัฐบาลรุ่นดังกล่าวมีจำนวน 121,035 ล้านบาท โดยจำหน่ายในวันที่ 19 สิงหาคม 2552
2.2 พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ครั้งที่ 2 (LB139A) อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย BIBOR ระยะ 6 เดือน-ร้อยละ 0.15 ต่อปี จำนวน 8,000 ล้านบาท โดยจำหน่ายในวันที่ 16 กันยายน 2552 สำหรับอัตราดอกเบี้ยงวดเริ่มต้นวันที่ 18 กันยายน 2552 อยู่ที่ร้อยละ 1.35000 ต่อปี (อัตราดอกเบี้ย BIBOR ระยะ 6 เดือน ณ วันที่ 14 กันยายน 2552 เท่ากับร้อยละ 1.50000 ต่อปี)
2.3 สำหรับรายละเอียดผลการออกพันธบัตรรัฐบาลทั้ง 2 รุ่น ซึ่งภายหลังจากที่ได้ดำเนินการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาลจำนวน 19,000 ล้านบาท แล้ว ทำให้ ณ สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 กค. มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ-เงินสดจ่ายของรัฐบาล จำนวน 281,000 ล้านบาท (ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 เป็นวงเงินที่เกิดจาการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณที่สะสมมาในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2542-2547 จำนวน 48,000 ล้านบาท ส่วนที่ 2 เป็นวงเงินที่ได้ขออนุมัติเพิ่มเติมในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 เพื่อนำมาใช้ในการบริหารเงินสดของรัฐบาล จำนวน 80,000 ล้านบาท และส่วนที่ 3 เป็นวงเงินที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวน 153,000 ล้านบาท)
2.4 เพื่ออนุวัติตามความในมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 กค. จะต้องประกาศผลการกู้เงินในราชกิจจานุเบกษาภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ทำสัญญากู้หรือออกตราสารหนี้ กค. จึงขอให้ลงประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการออกพันธบัตรรัฐบาลในราชกิจจานุเบกษาภายในวันที่ 19 ตุลาคม 2552
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 27 ตุลาคม 2552 --จบ--