คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแนวทางการจัดอัตรากำลังและการบริหารจัดการในภารกิจการศึกษาขั้นพื้นฐานตามข้อเสนอของคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ และให้หน่วยงานที่รับผิดชอบในแต่ละยุทธศาสตร์ รับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป และให้นำข้อเสนอแนวทางการจัดอัตรากำลังและการบริหารจัดการในภารกิจการศึกษาขั้นพื้นฐาน ไปกำหนดเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่สอง (พ.ศ. 2552-2561) เพื่อดำเนินการให้สอดคล้องกัน
สาระสำคัญของเรื่อง
คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) รายงานว่า
1. คปร.ในการประชุมครั้งที่ 2/2552 เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2552 ได้ประชุมร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนครูตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 และมีมติให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาการจัดทำอัตรากำลังและการบริหารจัดการในภารกิจการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยมีหน้าที่พิจารณาการจัดอัตรากำลังและการบริหารจัดการในภารกิจการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อให้มีความเหมาะสมตามความจำเป็นที่แท้จริง และสอดคล้องกับการปฏิบัติงานตามบทบาทภารกิจด้านการศึกษาของภาครัฐ ทั้งนี้ ให้คณะอนุกรรมการฯ นำข้อเสนอแนวทางการดำเนินการเสนอ คปร.พิจารณาต่อไป
2. คปร. ในคราวประชุมครั้งที่ 5/2552 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2552 ได้ประชุมร่วมกับผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อพิจารณาข้อเสนอของคณะอนุกรรมฯ เกี่ยวกับแนวทางการจัดอัตรากำลังและการบริหารจัดการในภารกิจการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งประกอบด้วยมาตรการบริหารอัตรากำลังปกติ และมาตรการบริหารจัดการเชิงยุทธศาสตร์ 5 ยุทธศาสตร์ โดยมีมติเห็นชอบแนวทางการจัดอัตรากำลังและการบริหารจัดการในภารกิจการศึกษาฯ และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
3. แนวทางการจัดอัตรากำลังและการบริหารจัดการในภารกิจการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีดังนี้
3.1 หลักการ
การจัดอัตรากำลังและการบริหารจัดการในภารกิจการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีหลักการสำคัญ 3 ประการ คือ
3.1.1 ให้ภาคส่วนต่างๆ ในสังคมมีส่วนร่วมในการจัดบริการทางการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อให้กลุ่มประชากรวัยเรียนสามารถเข้าถึงบริการการศึกษาที่มีคุณภาพได้อย่างทั่วถึง (Education for all) และเป็นธรรม รวมทั้งมีการแข่งขันเพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาภายใต้กติกาที่เป็นธรรม
3.1.2 จัดสรรและบริหารงบประมาณทางการศึกษา โดยเน้นผู้เรียนมากขึ้น รวมทั้งส่งเสริมความรับผิดชอบร่วมระหว่างรัฐ โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคส่วนในสังคม และผู้เรียน
3.1.3 นำระบบการบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์มาใช้เป็นแนวทางในการบริหารทรัพยากร (งบประมาณ บุคลากร เทคโนโลยี ข้อสนเทศเชิงพื้นที่) ที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และมีความคุ้มค่า อันจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพและผลสัมฤทธิ์ของการศึกษา
3.2 เป้าประสงค์เชิงกลยุทธ์
3.2.1 กลุ่มประชากรวัยเรียนสามารถเข้าถึงบริการการศึกษาขั้นพื้นฐานที่มีคุณภาพ (Quality) ได้อย่างทั่วถึง (Access) และเป็นธรรม (Equity) ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ
3.2.2 สถานศึกษามีความพร้อมเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Readiness) ทั้งในด้านการผลิตและส่งมอบบริการการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างมีคุณภาพ และด้านการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้และส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของนักเรียน
3.2.3 ระบบบริหารจัดการในระดับเขตพื้นที่การศึกษาและระดับโรงเรียนมีประสิทธิภาพและเป็นตัวขับเคลื่อน (Enabler) คุณภาพการศึกษา
3.3 เป้าหมาย : ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555
3.3.1 การจัดอัตรากำลังครูและบุคลากรทางการศึกษาในทุกภาคส่วน มีความพร้อมทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ เหมาะสมกับการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างมีคุณภาพ ประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
3.3.2 เขตพื้นที่การศึกษาและโรงเรียนนำแนวทางและมาตรการบริหารจัดการเชิงยุทธศาสตร์ไปดำเนินการปรับปรุงการจัดบริการการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล
3.4 มาตรการดำเนินงาน
3.4.1 มาตรการบริหารอัตรากำลังปกติ
ให้ตรึงกรอบอัตราข้าราชการครูโดยไม่มีการเพิ่มอัตราตั้งใหม่ และสำหรับการจัดสรรอัตราข้าราชการครูจากผลการเกษียณอายุเมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2552-2554 ให้เป็นไปตามที่ คปร. กำหนดเป็นปี ๆ ไป ทั้งนี้ โดยจัดสรรคืนให้ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ดังต่อไปนี้เป็นอันดับแรก
(1) ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา ยกเว้นสถานศึกษาที่อยู่ในแผนการถ่ายโอนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือโรงเรียนขนาดเล็กที่อยู่ในแผนการรวมสถานศึกษา
(2) ตำแหน่งสำหรับบรรจุนักเรียนทุนรัฐบาล
(3) ตำแหน่งในโรงเรียนระดับประถมศึกษาที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร และโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
(4) ตำแหน่งในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาระดับอำเภอ ตำบล และโรงเรียนห่างไกล ในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
(5) ตำแหน่งในโรงเรียนการศึกษาเพื่อคนพิการ โรงเรียนการศึกษาสงเคราะห์ และโรงเรียนตามโครงการพระราชดำริ
3.4.2 มาตรการบริหารจัดการเชิงยุทธศาสตร์
ให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ปัญหาด้วยการบริหารจัดการเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งประกอบด้วย 5 ยุทธศาสตร์ ดังนี้
ยุทธศาสตร์ 1 : การปรับบทบาทภาครัฐเพื่อดำเนินภารกิจการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างมีคุณภาพ
ยุทธศาสตร์ 2 : การบริหารจัดการให้มีจำนวนโรงเรียนสอดคล้องกับความจำเป็นของพื้นที่
ยุทธศาสตร์ 3 : การบริหารจัดการกำลังคนให้สมดุลและสอดคล้องกับภารกิจด้านการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ยุทธศาสตร์ 4 : การบริหารทรัพยากรด้านการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล
ยุทธศาสตร์ 5 : การพัฒนาฐานข้อมูลเพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการในภารกิจด้านการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ เพื่อให้การนำยุทธศาสตร์ไปปฏิบัติอย่างมีประสิทธิผล เห็นควรให้กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการต่อไปนี้
3.5 การนำยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติ
เพื่อให้มีการนำยุทธศาสตร์ไปปฏิบัติอย่างมีประสิทธิผล จึงเห็นสมควรให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
3.5.1 จัดทำแผนปฏิบัติการรองรับทั้ง 5 ยุทธศาสตร์ โดยต้องกำหนดรายละเอียดของกิจกรรมหลักที่จะดำเนินการ กรอบระยะเวลาในการดำเนินการตัวชี้วัดและค่าเป้าหมาย ตลอดจนแนวทางและกลไกสำหรับติดตามประเมินผลและรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการเป็นรายปี ซึ่งจะนำไปสู่การบรรลุเป้าประสงค์เชิงกลยุทธ์ในปี พ.ศ. 2555
3.5.2 รายงานผลความก้าวหน้าและปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการให้ คปร. รับทราบทุก 6 เดือน เพื่อพิจารณานำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
3.5.3 ให้ คปร. ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามประเมินและสรุปรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการบริหารจัดการเชิงยุทธศาสตร์ในภาพรวม ตลอดจนปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะ เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา เมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2555
เพื่อให้การดำเนินการตามยุทธศาสตร์ทั้ง 5 ประการบรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรม จึงกำหนดแนวทางการดำเนินการระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. 2553-2555 ตัวชี้วัดความสำเร็จ หน่วยงานรับผิดชอบหลัก และแนวทางการนำยุทธศาสตร์ไปปฏิบัติ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 27 ตุลาคม 2552 --จบ--