คณะรัฐมนตรีเห็นชอบและอนุมัติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) เสนอเรื่อง การจัดซื้อที่ดินและอาคารเพื่อสร้างวัดสังฆปทีป แคว้นเวลส์ ณ สหราชอาณาจักร ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ดังนี้
1. เห็นชอบให้รัฐบาลไทยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในอาคารและที่ดินที่จะใช้ตั้งวัดสังฆปทีป แคว้นเวลส์ ณ สหราชอาณาจักร
2. อนุมัติให้เอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน เป็นผู้แทนรัฐบาลไทยทำสัญญารับโอนกรรมสิทธิ์ในอาคารและที่ดินตามข้อ 1.
สาระสำคัญของเรื่อง
พศ. แจ้งตามหนังสือ ด่วนมาก ที่ พศ 0006/00392 ลงวันที่ 2 ตุลาคม 2552 ว่า
1. พระราชภาวนาวิมล หัวหน้าคณะพระธรรมทูตและเจ้าอาวาสวัดพุทธปทีป กรุงลอนดอน คณะสงฆ์วัดพุทธปทีปและพุทธศาสนิกชนชาวไทยในแคว้นเวลส์ ได้ร่วมกันหาเงินทุนซื้อที่ดินและอาคารเพื่อดัดแปลงเป็นวัดสังฆปทีปในแคว้นเวลส์ เพื่อเป็นศูนย์การเผยแผ่พระพุทธศาสนา วัฒนธรรมไทย และเป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจของพุทธศาสนิกชนชาวไทยและชาวต่างชาติที่นับถือพุทธศาสนาที่พำนักอาศัยในแคว้นเวลส์ โดยมีความประสงค์ที่จะซื้อที่ดินและอาคาร ดังกล่าวในนามรัฐบาลไทย เพื่อให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน สามารถดูแลได้เช่นเดียวกับวัดพุทธปทีป กรุงลอนดอน ทั้งนี้ วัดพุทธปทีป กรุงลอนดอน จะเป็นผู้รับผิดชอบเงินค่าจัดซื้อและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
2. พศ. ได้นำเรื่องดังกล่าวเสนอที่ประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 16/2552 วันที่ 30 กรกฎาคม 2552 เพื่อขอความเห็นชอบการจัดซื้อที่ดินและอาคารดังกล่าวในนามรัฐบาลไทย โดยวัดพุทธปทีป กรุงลอนดอน เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อและค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นเงินทั้งสิ้น 237,950 ปอนด์ (ประมาณ 13,563,150 บาท) ซึ่งที่ประชุมมหาเถรสมาคมมีมติเห็นชอบตามที่ พศ. เสนอ
3. พศ. ได้รับแจ้งจากกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ว่าสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน ได้รายงานว่าวัดพุทธปทีปได้มีคำสั่งแต่งตั้งตัวแทนในการจัดซื้อที่ดินและอาคารดังกล่าว และผู้แทนของวัดพุทธปทีปได้นำเงินไปวางมัดจำกับผู้ขายเพื่อซื้อที่ดินและอาคารดังกล่าวแล้ว โดยสัญญาซื้อขายจะมีผลสมบูรณ์ในวันที่ 15 กันยายน 2552 ซึ่งทางวัดพุทธปทีปจะได้รับมอบกรรมสิทธิ์และต้องชำระเงินจำนวนที่เหลือทั้งหมดให้แก่ผู้ขาย และ กต. ได้เสนอความเห็นว่าเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของวัดพุทธปทีปที่ต้องการให้ที่ดินและอาคารดังกล่าวตกเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐบาลไทยเห็นควรนำเสนอคณะรัฐมนตรี
4. พศ. แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมในประเด็นเกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 190 ว่า หนังสือสัญญาการรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและอาคารของรัฐบาลไทยกับวัดสังฆปทีปไม่เป็นตามหนังสือสัญญาตามมาตรา 190 เพราะรัฐบาลไทยไม่ได้ทำความตกลงระหว่างประเทศหรือกับองค์การระหว่างประเทศใด ๆ หนังสือสัญญาดังกล่าวทำกับวัดสังฆปทีปซึ่งเป็นเอกชนและหนังสือสัญญาฉบับนี้ไม่อยู่ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ หากอยู่ภายใต้กฎหมายของสหราชอาณาจักรประเทศเดียว การดำเนินการทำหนังสือสัญญารับโอนกรรมสิทธิ์ของรัฐบาลไทยจึงไม่เกี่ยวข้องตามมาตรา 190
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 พฤศจิกายน 2552 --จบ--