คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำรองเงินจ่ายค่ารับซื้อข้าวเปลือกให้เกษตรกรไปพลางก่อนในระหว่างที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ยังอยู่ในระหว่างกระบวนการกู้ยืมเงินและยังไม่ได้รับเงินกู้ยืม ทั้งนี้ เมื่อ อคส.และอ.ต.ก.ได้กู้ยืมเงินตามมติที่ประชุมเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2552 ได้แล้ว ก็ให้ส่งคืนเงินให้แก่ ธ.ก.ส.ในส่วนที่ได้สำรองจ่ายไปก่อนแล้ว
สาระสำคัญของเรื่อง
1. เรื่องเดิม มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2552 เห็นชอบมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปี 2552/53 โดยให้ อคส.และอ.ต.ก.แทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรผ่านโรงสีและสถาบันเกษตรกรที่มีศักยภาพในการเก็บรักษาคุณภาพข้าวเปลือและสีแปรสภาพเป็นข้าวสารเมื่อจำเป็น โดยให้รับซื้อแทรกแซงตามเกณฑ์กลางอ้างอิง ระยะเวลาดำเนินการ พฤศจิกายน 2552-กุมภาพันธ์ 2553
1.2 มอบหมายให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้เพื่อให้ อคส.และอ.ต.ก. นำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือกในวงเงิน 20,000 ล้านบาท ตามโครงการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือก ปี 2552/53
1.3 การดำเนินการ เพื่อดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ได้มีการประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2552 ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และได้มีมติพิจารณาเกี่ยวกับการจัดหาแหล่งเงินกู้ยืมเงินสำหรับใช้ดำเนินการแทรกแซงรับซื้อข้าวเปลือกตามโครงการ และได้มีมติให้ใช้แหล่งเงินจาก ธ.ก.ส. โดยให้ อคส.และอ.ต.ก.เป็นผู้ยืมเงินเพื่อการนี้
1.4 เนื่องจากการกู้เงินตามมติที่ประชุมดังกล่าว มีขั้นตอนและกระบวนการในการอนุมัติและทำสัญญากู้ยืมเงิน จะทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ทันต่อกำหนดเวลาที่ อคส.และ อ.ต.ก. จะนำมาใช้ในการรับซื้อข้าวเปลือก ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2552 และไม่สามารถจ่ายเงินค่าข้าวเปลือกที่รับซื้อให้แก่เกษตรกรได้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ กล่าวคือ ภายใน 3 วันทำการ นับแต่วันที่ อคส.และอ.ก.ต.ออกหลักฐานการรับสินค้าและการจ่ายเงินให้แก่เกษตรกร
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 พฤศจิกายน 2552 --จบ--