คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 (ฝ่ายการต่างประเทศ การศึกษา การศาสนาและวัฒนธรรม) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย) เป็นประธานกรรมการที่อนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการถอนร่างพระราชบัญญัติการศึกษานอกโรงเรียน พ.ศ. ... ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปได้ และอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิต พ.ศ. ... และที่แก้ไขเพิ่มเติมตามผลการประชุมระหว่างกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ให้ความเห็นชอบอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้กระทรวงศึกษาธิการรายงานว่า
1. ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2547 ให้ส่งร่างพระราชบัญญัติการศึกษานอกโรงเรียน พ.ศ. ... ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณานั้นเห็นควรให้ถอนร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว โดยขอเสนอร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิต พ.ศ. .... แทน เพื่อให้สามารถตอบสนองหลักการและแนวทางการจัดการศึกษาในลักษณะการศึกษาตลอดชีวิต โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคมที่ชัดเจนและสามารถนำไปสู่การปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น
2. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 กำหนดให้การจัดการศึกษายึดหลักการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคม แต่ไม่มีบทบัญญัติใดที่กำหนดถึงแนวทางการจัดและกลไกการบริหารและการจัดการศึกษาที่ชัดเจนที่จะนำไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ตามหลักการที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย จึงจำเป็นต้องมีพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิต เพื่อเป็นกลไกในการส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาคส่วนต่าง ๆ ของสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทุกคนได้เรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
3. สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียนได้ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองของกระทรวงศึกษาธิการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. คณะเจรจาข้อตกลงและการประเมินการพัฒนากฎหมายของส่วนราชการ คณะที่ 9 และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกลั่นกรองฯ คณะที่ 5 (ฝ่ายการต่างประเทศฯ ) ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองฯ คณะที่ 5 (ฝ่ายการต่างประเทศฯ) รวม 3 ครั้ง ในวันที่ 23 มกราคม 2549 วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2549 และวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2549 โดยมีผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ (นายพีระพันธุ์ พาลุสุข) เป็นประธานซึ่งที่ประชุมมีมติให้ปรับแก้ไขและเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวใน 3 ประเด็น คือ
3.1 ประเด็นการลดหย่อนและยกเว้นภาษี/สิทธิประโยชน์/เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา ที่ประชุมมีมติให้ปรับแก้ไข มาตรา 11 โดยให้ตัดเรื่องการลดหย่อน การยกเว้นภาษีและเงินให้กู้ยืมทางการศึกษาออก และให้คงประเด็นสิทธิประโยชน์ โดยเติมคำว่า “ตามที่กฎหมายกำหนด” ต่อท้าย และเพิ่มเติมข้อความวรรคท้ายว่า “หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การจัดสรรทรัพยากรและการให้สิทธิประโยชน์ตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนดโดยไม่ขัดแย้งหรือแย้งกับกฎหมาย”
3.2 ประเด็นความซ้ำซ้อน โดยการกำหนดอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิต ซ้ำซ้อนกับอำนาจหน้าที่ของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา การจัดการศึกษาของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาที่ประชุมมีมติให้ปรับแก้ไขมาตรา 17 เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิต
3.3 ประเด็นสถานภาพและโครงสร้างองค์กร ที่ประชุมมีมติให้ปรับแก้ไขมาตรา 18 โดยให้ติดต่อความในวรรคแรกความว่า “โดยมีเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิต มีฐานะเป็นอธิบดี เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและบริหารราชการของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิต” และตัดอำนาจหน้าที่ข้อ 4 และข้อ 9 รวมทั้งตัดข้อความในวรรคท้ายออก
3.4 นอกจากนี้ที่ประชุมมีข้อสังเกตว่า การศึกษาตลอดชีวิตเป็นเรื่องสำคัญ การพิจารณาโครงสร้างของหน่วยงานที่รับผิดชอบงานการศึกษาตลอดชีวิต จึงควรกำหนดให้เหมาะสมกับภารกิจที่ต้องการความ คล่องตัว มีประสิทธิภาพสูงในการบริหารจัดการ โดยที่ปัจจุบันกฏหมายมีข้อจำกัดไม่เปิดช่องให้ดำเนินการจัดให้เหมาะสม และผู้แทนสำนักงาน ก.พ. มีข้อสังเกตว่าหากจะให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิต ตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีกฎหมายบังคับใช้ดังเช่นหน่วยงานอื่นในกระทรวงศึกษาธิการ จึงควรแก้ไขพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 ให้รองรับไว้ด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 12 กันยายน 2549--จบ--
ทั้งนี้กระทรวงศึกษาธิการรายงานว่า
1. ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2547 ให้ส่งร่างพระราชบัญญัติการศึกษานอกโรงเรียน พ.ศ. ... ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณานั้นเห็นควรให้ถอนร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว โดยขอเสนอร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิต พ.ศ. .... แทน เพื่อให้สามารถตอบสนองหลักการและแนวทางการจัดการศึกษาในลักษณะการศึกษาตลอดชีวิต โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคมที่ชัดเจนและสามารถนำไปสู่การปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น
2. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 กำหนดให้การจัดการศึกษายึดหลักการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคม แต่ไม่มีบทบัญญัติใดที่กำหนดถึงแนวทางการจัดและกลไกการบริหารและการจัดการศึกษาที่ชัดเจนที่จะนำไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ตามหลักการที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย จึงจำเป็นต้องมีพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิต เพื่อเป็นกลไกในการส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาคส่วนต่าง ๆ ของสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทุกคนได้เรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
3. สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียนได้ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองของกระทรวงศึกษาธิการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. คณะเจรจาข้อตกลงและการประเมินการพัฒนากฎหมายของส่วนราชการ คณะที่ 9 และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกลั่นกรองฯ คณะที่ 5 (ฝ่ายการต่างประเทศฯ ) ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองฯ คณะที่ 5 (ฝ่ายการต่างประเทศฯ) รวม 3 ครั้ง ในวันที่ 23 มกราคม 2549 วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2549 และวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2549 โดยมีผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ (นายพีระพันธุ์ พาลุสุข) เป็นประธานซึ่งที่ประชุมมีมติให้ปรับแก้ไขและเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวใน 3 ประเด็น คือ
3.1 ประเด็นการลดหย่อนและยกเว้นภาษี/สิทธิประโยชน์/เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา ที่ประชุมมีมติให้ปรับแก้ไข มาตรา 11 โดยให้ตัดเรื่องการลดหย่อน การยกเว้นภาษีและเงินให้กู้ยืมทางการศึกษาออก และให้คงประเด็นสิทธิประโยชน์ โดยเติมคำว่า “ตามที่กฎหมายกำหนด” ต่อท้าย และเพิ่มเติมข้อความวรรคท้ายว่า “หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การจัดสรรทรัพยากรและการให้สิทธิประโยชน์ตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนดโดยไม่ขัดแย้งหรือแย้งกับกฎหมาย”
3.2 ประเด็นความซ้ำซ้อน โดยการกำหนดอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิต ซ้ำซ้อนกับอำนาจหน้าที่ของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา การจัดการศึกษาของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาที่ประชุมมีมติให้ปรับแก้ไขมาตรา 17 เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิต
3.3 ประเด็นสถานภาพและโครงสร้างองค์กร ที่ประชุมมีมติให้ปรับแก้ไขมาตรา 18 โดยให้ติดต่อความในวรรคแรกความว่า “โดยมีเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิต มีฐานะเป็นอธิบดี เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและบริหารราชการของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิต” และตัดอำนาจหน้าที่ข้อ 4 และข้อ 9 รวมทั้งตัดข้อความในวรรคท้ายออก
3.4 นอกจากนี้ที่ประชุมมีข้อสังเกตว่า การศึกษาตลอดชีวิตเป็นเรื่องสำคัญ การพิจารณาโครงสร้างของหน่วยงานที่รับผิดชอบงานการศึกษาตลอดชีวิต จึงควรกำหนดให้เหมาะสมกับภารกิจที่ต้องการความ คล่องตัว มีประสิทธิภาพสูงในการบริหารจัดการ โดยที่ปัจจุบันกฏหมายมีข้อจำกัดไม่เปิดช่องให้ดำเนินการจัดให้เหมาะสม และผู้แทนสำนักงาน ก.พ. มีข้อสังเกตว่าหากจะให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิต ตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีกฎหมายบังคับใช้ดังเช่นหน่วยงานอื่นในกระทรวงศึกษาธิการ จึงควรแก้ไขพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 ให้รองรับไว้ด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 12 กันยายน 2549--จบ--