คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิกของความตกลงระหว่างรัฐบาลว่าด้วยโครงข่ายทางรถไฟสายเอเชีย ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงความตกลงฯ ที่มิใช่สาระสำคัญก่อนลงนาม และเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยก็ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยประสานงานกับ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมอบหมาย เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้แทนในการลงนามความตกลงดังกล่าว
ทั้งนี้ ร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลว่าด้วยโครงข่ายทางรถไฟสายเอเชียดังกล่าว ประกอบด้วย ตัวบทความตกลงและภาคผนวกต่าง ๆ ได้แก่ ภาคผนวก 1 (โครงข่ายทางรถไฟสายเอเชีย) ภาคผนวก 2 (หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวกับคุณลักษณะทางเทคนิคของโครงข่ายทางรถไฟสายเอเชีย) และมีสาระสำคัญกำหนดให้ประเทศสมาชิกของเอสแคปดำเนินการจัดทำความร่วมมือระหว่างภาคีสมาชิกในการพัฒนาการขนส่งระบบรางเพื่อเชื่อมโยงกันภายในภูมิภาคเอเชียและกับภูมิภาคข้างเคียง และเพื่อส่งเสริมบทบาทของการขนส่งด้วยระบบราง ซึ่งเป็นความจำเป็นสำหรับประเทศที่ไม่มีทางออกทะเลและประเทศที่ต้องขนสินค้าผ่านแดนประเทศอื่น รวมทั้งมีจุดมุ่งหมายที่จะกระชับความสัมพันธ์และส่งเสริมการค้า การท่องเที่ยวระหว่างประเทศสมาชิก และกำหนดให้ภาคีสมาชิกดำเนินการตามความตกลงฯ ภายใต้กรอบการดำเนินการของแต่ละประเทศให้สอดคล้องกับรายละเอียดทางเทคนิค ซึ่งประกอบด้วยเส้นทางรถไฟระหว่างประเทศสายที่สำคัญ สถานีเริ่มต้น สถานีชุมทาง และสถานีปลายทางตามที่ระบุไว้ และจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวกับคุณลักษณะทางเทคนิค ทั้งในการก่อสร้างทางใหม่ การยกระดับ และการปรับปรุงทางเดิมที่มีอยู่ โดยความตกลงฯ ฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ภายใน 90 วัน หลังจากการลงนามของรัฐบาลของประเทศสมาชิกอย่างน้อย 8 ประเทศ
ซึ่งเอสแคบกำหนดให้มีพิธีลงนามร่างความตกลงฯ ดังกล่าวขึ้นในระหว่างวันที่ 10 — 11 พฤศจิกายน 2549 ในระหว่างการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านการขนส่ง ณ เมืองปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี และหลังจากนั้นจะเปิดโอกาสให้ลงนามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 16 พฤศจิกายน 2549 — 31 ธันวาคม 2551
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 5 กันยายน 2549--จบ--
ทั้งนี้ ร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลว่าด้วยโครงข่ายทางรถไฟสายเอเชียดังกล่าว ประกอบด้วย ตัวบทความตกลงและภาคผนวกต่าง ๆ ได้แก่ ภาคผนวก 1 (โครงข่ายทางรถไฟสายเอเชีย) ภาคผนวก 2 (หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวกับคุณลักษณะทางเทคนิคของโครงข่ายทางรถไฟสายเอเชีย) และมีสาระสำคัญกำหนดให้ประเทศสมาชิกของเอสแคปดำเนินการจัดทำความร่วมมือระหว่างภาคีสมาชิกในการพัฒนาการขนส่งระบบรางเพื่อเชื่อมโยงกันภายในภูมิภาคเอเชียและกับภูมิภาคข้างเคียง และเพื่อส่งเสริมบทบาทของการขนส่งด้วยระบบราง ซึ่งเป็นความจำเป็นสำหรับประเทศที่ไม่มีทางออกทะเลและประเทศที่ต้องขนสินค้าผ่านแดนประเทศอื่น รวมทั้งมีจุดมุ่งหมายที่จะกระชับความสัมพันธ์และส่งเสริมการค้า การท่องเที่ยวระหว่างประเทศสมาชิก และกำหนดให้ภาคีสมาชิกดำเนินการตามความตกลงฯ ภายใต้กรอบการดำเนินการของแต่ละประเทศให้สอดคล้องกับรายละเอียดทางเทคนิค ซึ่งประกอบด้วยเส้นทางรถไฟระหว่างประเทศสายที่สำคัญ สถานีเริ่มต้น สถานีชุมทาง และสถานีปลายทางตามที่ระบุไว้ และจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวกับคุณลักษณะทางเทคนิค ทั้งในการก่อสร้างทางใหม่ การยกระดับ และการปรับปรุงทางเดิมที่มีอยู่ โดยความตกลงฯ ฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ภายใน 90 วัน หลังจากการลงนามของรัฐบาลของประเทศสมาชิกอย่างน้อย 8 ประเทศ
ซึ่งเอสแคบกำหนดให้มีพิธีลงนามร่างความตกลงฯ ดังกล่าวขึ้นในระหว่างวันที่ 10 — 11 พฤศจิกายน 2549 ในระหว่างการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านการขนส่ง ณ เมืองปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี และหลังจากนั้นจะเปิดโอกาสให้ลงนามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 16 พฤศจิกายน 2549 — 31 ธันวาคม 2551
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 5 กันยายน 2549--จบ--