คณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการและแนวทางการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. กำหนดเป้าหมายการเบิกจ่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ 100.00 ของวงเงินตามแผนที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553
2. ให้หน่วยงานที่ได้รับเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ดำเนินการลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 1 และบันทึกข้อมูล แผนงาน งวดงานและงวดเงิน ตามระบบที่กระทรวงการคลังกำหนด และรายงานผลความก้าวหน้าตามแผนงาน งวดงานและงวดเงิน ที่สอดคล้องกับความสำเร็จของงานในแต่ละเดือน ไตรมาส เพื่อเป็นข้อมูลในการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายเงิน ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และ เป้าหมายของโครงการ
3. ให้นำอัตราการเบิกจ่ายเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ตามเป้าหมายที่คณะรัฐมนตรีกำหนดเป็นตัวชี้วัดในคำรับรองการปฏิบัติราชการของหน่วยงาน
4. ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับหน่วยงานในสังกัดที่ได้รับเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ปฏิบัติตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินอย่างเคร่งครัด
5. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเพิ่มบทบาทให้คลังจังหวัดดำเนินการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ของส่วนราชการในจังหวัดเพื่อให้การเบิกจ่ายเป็นไปตามเป้าหมาย
ทั้งนี้ ในส่วนที่กำหนดให้หน่วยงานส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงินให้แล้วเสร็จภายในวันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2552 นั้น ในทางปฏิบัติมีกรณีที่อาจจะไม่สามารถปฏิบัติได้ จึงเห็นควรผ่อนผันกรณี รายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ ให้จัดสรรเงินได้จนถึงวันพุธที่ 30 ธันวาคม 2552 และสำหรับรายการที่ไม่สามารถ ดำเนินการได้ภายในระยะเวลาที่ผ่อนผัน รัฐมนตรีเจ้าสังกัดควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติเป็นกรณีไป ซึ่งเป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ข้อเท็จจริง
การเบิกจ่ายเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ณ วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2552 เป็นจำนวน 17,352.22 ล้านบาท หรือร้อยละ 27.16 ของจำนวนเงินจัดสรร 63,890.68 ล้านบาท โดยวัตถุประสงค์ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ จำนวน 8 วัตถุประสงค์ มีการเบิกจ่ายแล้ว 3 วัตถุประสงค์ ดังนี้
1. การสร้างความมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน อนุรักษ์ระบบนิเวศน์และสิ่งแวดล้อม และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในภาคการเกษตรและอุตสาหกรรม ได้แก่ สาขาทรัพยากรน้ำและการเกษตร เบิกจ่ายแล้วจำนวน 7.74 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.11 ของจำนวนเงินจัดสรร 6,758.81 ล้านบาท
2. การปรับปรุงบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่ทันสมัยและจำเป็นต่อการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เบิกจ่ายแล้วจำนวน 2,844.48 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.84 ของจำนวนเงินจัดสรร 28,917.74 ล้านบาท
3. การสร้างอาชีพและรายได้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในระดับชุมชน ได้แก่ สาขาการลงทุนในระดับชุมชน เบิกจ่ายแล้วจำนวน 14,500.00 ล้านบาท หรือร้อยละ 84.41 ของจำนวนเงินจัดสรร 17,177.32 ล้านบาท ซึ่งได้เบิกจ่ายตั้งแต่เดือนกันยายน 2552 เพื่อเพิ่มทุนให้แก่สถาบันการเงินของรัฐโดยกระทรวงการคลัง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 24 พฤศจิกายน 2552 --จบ--