คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินความพร้อมในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการายงานว่า ได้ตรวจพิจารณาร่างกฎกระทรวงดังกล่าวเสร็จแล้ว ซึ่งผลการพิจารณาสรุปได้ดังนี้
1. เพิ่มเติมกรณีการแสดงความสมัครใจโดยกำหนดให้กระทรวงศึกษาธิการสามารถประกาศกำหนดวิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการจัดทำหลักฐานที่แสดงถึงความสมัครใจด้วยเสียงข้างมากของผู้บริหารสถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษาของสถานศึกษานั้นฝ่ายหนึ่ง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานอีกฝ่ายหนึ่งว่า จะต้องมีกระบวนการในรายละเอียดและขั้นตอนของการแสดงความสมัครใจ รวมทั้งการมีมติเสียงข้างมากของแต่ละฝ่ายจะนับอย่างไร ซึ่งการกำหนดประกาศดังกล่าวก็จะมีการพิจารณาร่วมกันของกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ในเรื่องดังกล่าวให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น
2. เพิ่มบทเฉพาะกาลเพื่อรองรับคำขอรับการประเมินในปีการศึกษา 2548 ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ผ่านการประเมินไปแล้วก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ เพื่อให้คำขอดังกล่าวยังคงมีผลอยู่และสามารถดำเนินการได้ต่อไปในปีการศึกษา 2549 ซึ่งยกเว้นกรณีการรับโอนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานที่ต้องแสดงถึงความสมัครใจและเป็นไปตามจำนวนสถานศึกษาที่จะถ่ายโอนไว้ด้วย เนื่องจากการแสดงความสมัครใจถือเป็นหลักการประการสำคัญที่เป็นเหตุผล ในการที่จะให้โอนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานจากกระทรวงศึกษาธิการไปยังองค์ปกครองส่วนท้องถิ่น และกำหนดให้คำขอรับการประเมินที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาหรือยังดำเนินการประเมินไม่แล้วเสร็จต้องยื่นคำขอใหม่และดำเนินการตามกฎกระทรวงนี้ เนื่องจากถือว่ากระบวนการประเมินยังไม่เสร็จสิ้น จึงควรดำเนินการตามกระบวนใหม่
3. สำหรับความเห็นชอบของคณะกรรมการประสานงานองค์กรครูและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ซึ่งมีนายปองพล อดิเรกสาร อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน) นั้น ได้พิจารณาในส่วนของการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จึงไม่มีประเด็นที่ร่างกฎกระทรวงนี้จะต้องนำมาประกอบการพิจารณา
ทั้งนี้ ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การโอนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของสถานศึกษาไปสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นไปโดยความสมัครใจของผู้บริหารสถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษาและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 10 มกราคม 2549--จบ--
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการายงานว่า ได้ตรวจพิจารณาร่างกฎกระทรวงดังกล่าวเสร็จแล้ว ซึ่งผลการพิจารณาสรุปได้ดังนี้
1. เพิ่มเติมกรณีการแสดงความสมัครใจโดยกำหนดให้กระทรวงศึกษาธิการสามารถประกาศกำหนดวิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการจัดทำหลักฐานที่แสดงถึงความสมัครใจด้วยเสียงข้างมากของผู้บริหารสถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษาของสถานศึกษานั้นฝ่ายหนึ่ง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานอีกฝ่ายหนึ่งว่า จะต้องมีกระบวนการในรายละเอียดและขั้นตอนของการแสดงความสมัครใจ รวมทั้งการมีมติเสียงข้างมากของแต่ละฝ่ายจะนับอย่างไร ซึ่งการกำหนดประกาศดังกล่าวก็จะมีการพิจารณาร่วมกันของกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ในเรื่องดังกล่าวให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น
2. เพิ่มบทเฉพาะกาลเพื่อรองรับคำขอรับการประเมินในปีการศึกษา 2548 ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ผ่านการประเมินไปแล้วก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ เพื่อให้คำขอดังกล่าวยังคงมีผลอยู่และสามารถดำเนินการได้ต่อไปในปีการศึกษา 2549 ซึ่งยกเว้นกรณีการรับโอนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานที่ต้องแสดงถึงความสมัครใจและเป็นไปตามจำนวนสถานศึกษาที่จะถ่ายโอนไว้ด้วย เนื่องจากการแสดงความสมัครใจถือเป็นหลักการประการสำคัญที่เป็นเหตุผล ในการที่จะให้โอนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานจากกระทรวงศึกษาธิการไปยังองค์ปกครองส่วนท้องถิ่น และกำหนดให้คำขอรับการประเมินที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาหรือยังดำเนินการประเมินไม่แล้วเสร็จต้องยื่นคำขอใหม่และดำเนินการตามกฎกระทรวงนี้ เนื่องจากถือว่ากระบวนการประเมินยังไม่เสร็จสิ้น จึงควรดำเนินการตามกระบวนใหม่
3. สำหรับความเห็นชอบของคณะกรรมการประสานงานองค์กรครูและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ซึ่งมีนายปองพล อดิเรกสาร อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน) นั้น ได้พิจารณาในส่วนของการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จึงไม่มีประเด็นที่ร่างกฎกระทรวงนี้จะต้องนำมาประกอบการพิจารณา
ทั้งนี้ ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การโอนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของสถานศึกษาไปสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นไปโดยความสมัครใจของผู้บริหารสถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษาและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 10 มกราคม 2549--จบ--