คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการวมพิจารณาโดยให้ใช้ร่างพระราชบัญญัติที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอเป็นหลัก
ข้อเท็จจริง
กระทรวงมหาดไทยเสนอว่า
1. โดยที่มาตรา 283 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้มีกฎหมายรายได้ท้องถิ่น เพื่อกำหนดอำนาจหน้าที่ในการจัดเก็บภาษีและรายได้อื่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีหลักเกณฑ์ที่เหมาะสมของภาษีแต่ละชนิด การจัดสรรทรัพยากรในภาครัฐ การมีรายได้ที่เพียงพอกับรายจ่ายตามอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งนี้ โดยคำนึงถึงระดับขั้นการพัฒนาทางเศรษฐกิจของท้องถิ่น สถานะทางการคลังขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ
2. ประกอบกับมาตรา 303 (5) บัญญัติให้ดำเนินการจัดทำกฎหมายเกี่ยวกับรายได้ท้องถิ่นให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปีนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีเข้าบริหารราชการแผ่นดินตามที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา
สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ
1. ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติรายได้เทศบาล พ.ศ. 2497 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2530 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2534 (ร่างมาตรา 3)
2. กำหนดคำนิยาม “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” “รายได้” “รายได้ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดเก็บเอง” “รายได้ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มอบให้รัฐจัดเก็บแทน” และ “ผู้บริหารท้องถิ่น” เป็นต้น (ร่างมาตรา 4)
3. กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีรายได้จากภาษีอากรและค่าธรรมเนียมตามกฎหมาย รายได้จากเงินอุดหนุนทั่วไป รายได้จากทรัพย์สินเงินและทรัพย์สินที่มีผู้บริจาค อุทิศให้ หรือให้ความช่วยเหลือ รายได้จากกิจการพาณิชย์ และการบริหารจัดการ รายได้จากการถ่ายโอนภารกิจตามกฎหมายว่าด้วยการกำหนดแผน และขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และรายได้อื่นตามที่มีกฎหมายบัญญัติ (ร่างมาตรา 6)
4. กำหนดให้เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล และเมืองพัทยา องค์การบริหารส่วนจังหวัด และกรุงเทพมหานคร อาจมีรายได้จากภาษีโรงเรือนที่ดิน ภาษีบำรุงท้องที่ ภาษีป้าย อากรฆ่าสัตว์ ค่าธรรมเนียม ค่าภาคหลวง ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และรายได้อื่นตามที่กำหนด (ร่างมาตรา 8 — ร่างมาตรา 10)
5. กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราภาษีเกี่ยวกับการจัดสรรรายได้ การจัดเก็บภาษีอากรในส่วนของรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการหักเงินค่าใช้จ่ายให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ในกรณีที่ไม่มีกฎหมายกำหนดให้จัดสรรตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง (ร่างมาตรา 11 — ร่างมาตรา 14)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 8 ธันวาคม 2552 --จบ--