เรื่อง ร่างพิธีสารว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทย
กับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐเอสโตเนีย
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้ง 2 ข้อ ดังนี้
1. เห็นชอบต่อร่างพิธีสารว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐเอสโตเนีย โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถเปลี่ยนแปลงถ้อยคำในส่วนที่ไม่กระทบต่อสาระสำคัญของร่างพิธีสารฯ โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก
2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามพิธีสารฯ
สาระสำคัญของเรื่อง
กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) รายงานว่า
1. กต.ไทยและเอสโตเนียได้เห็นพ้องร่วมกันที่จะให้มีการจัดทำร่างพิธีสารว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศทั้งสองฝ่ายเพื่อส่งเสริมความร่วมมือ และกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองให้แน่นแฟ้น ยิ่งขึ้น โดยในการเยือนเอสโตเนียระหว่างวันที่ 27-31 มีนาคม 2549 ของนายวีระชัย วีระเมธีกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (ในขณะนั้น) ในฐานะผู้แทนพิเศษของนายกรัฐมนตรี นายวีระชัยฯ ได้พบหารือกับ Mr.Urmas Paet รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเอสโตเนีย ซึ่งฝ่ายเอสโตเนียได้เสนอให้มีความร่วมมือระหว่าง กต.ของทั้งสองฝ่าย และได้เห็นพ้องร่วมกันที่จะให้มีการจัดทำพิธีสารฯ โดยต่อมาทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนร่างพิธีสารฯ ฉบับตอบโต้ระหว่างกันจนได้ข้อยุติเมื่อพฤษภาคม 2549 ฝ่ายเอสโตเนียได้แสดงความพร้อมที่จะให้มีการลงนามพิธีสารฯ ในโอกาสแรก โดยร่างพิธีสารฯ จัดทำเป็นภาษาอังกฤษ มีระยะเวลา 3 ปี นับจากวันที่ลงนาม และจะต่ออายุโดยอัตโนมัติเป็นระยะเวลา เท่ากัน เว้นแต่ภาคีฝ่ายหนึ่งจะบอกเลิกพิธีสารดังกล่าวด้วยการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบล่วงหน้าเป็นเวลา 3 เดือน
2. ร่างพิธีสารฯ ซึ่งเป็นกรอบความร่วมมือกรอบกว้างระหว่างกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่าย ได้กำหนดให้มีการหารือระหว่างกันอย่างสม่ำเสมอในระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือเจ้าหน้าที่อาวุโสเพื่อทบทวนประเด็นความสัมพันธ์และความร่วมมือทวิภาคี ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ การค้า วิทยาศาสตร์ วิชาการและวัฒนธรรม รวมทั้งประเด็นภูมิภาคและระหว่างประเทศบนพื้นฐานของความสนใจร่วมกัน โดยสลับกันเป็นเจ้าภาพและ ทั้งสองฝ่ายอาจร่วมกันพิจารณาจัดตั้งคณะทำงานเพื่อหารือในรายละเอียดในประเด็นที่เป็นความสนใจร่วมกันและนำเสนอผลการหารือให้หน่วยงานผู้มีอำนาจหน้าที่พิจารณาต่อไป โดยทั้งนี้บทบัญญัติของพิธีสารฉบับนี้จะไม่กระทบต่อสนธิสัญญาหรือความตกลงอื่นใดที่รัฐบาลของภาคีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นภาคี
3. กรมสนธิสัญญาและกฎหมายได้พิจารณาร่างพิธีสารฯ แล้ว มีความเห็นว่า โดยที่ร่างพิธีสารฯ เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายเพื่อหารือกันในด้านการเมือง เศรษฐกิจ การค้า วิทยาศาสตร์ วิชาการและวัฒนธรรม จึงจะไม่เปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยหรือพื้นที่นอกอาณาเขตซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยหรือมีเขตอำนาจตามหนังสือสัญญาหรือตามกฎหมายระหว่างประเทศ หรือมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน หรืองบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ จึงไม่น่าจะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 15 ธันวาคม 2552 --จบ--