คณะรัฐมนตรีรับทราบสรุปสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ครั้งที่ 6 ณ วันที่ 14 ธันวาคม 2552 ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอ
ตามที่ได้เกิดอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ช่วงวันที่ 2-11 พฤศจิกายน 2552 และช่วงวันที่ 19-22 พฤศจิกายน 2552 พื้นที่ประสบภัยทั้งสิ้น 10 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สงขลา สตูล ยะลา นราธิวาส และปัตตานี ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ติดตามสถานการณ์และให้การช่วยเหลือเฉพาะหน้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรผู้ประสบภัย เช่น การบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำต่างๆ การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ เสบียงสัตว์ และดูแลสุขภาพสัตว์ ปัจจุบันสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอรายงานสรุปสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้และการให้ความช่วยเหลือ ครั้งที่ 6 ณ วันที่ 14 ธันวาคม 2552 ดังนี้
ผลกระทบด้านการเกษตร ช่วงภัยวันที่ 2-30 พฤศจิกายน 2552
ด้านพืช 9 จังหวัด เกษตรกรประสบภัย 133,718 ราย พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 327,085 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 172,119 ไร่ พืชไร่ 34,631 ไร่ และพืชสวน 120,335 ไร่
ด้านปศุสัตว์ 9 จังหวัด เกษตรกรประสบภัย 70,649 ราย สัตว์ได้รับผลกระทบ 1,524,666 ตัว แบ่งเป็น โค-กระบือ 130,640 ตัว สุกร-แพะ-แกะ 77,553 ตัว และสัตว์ปีก 1,316,473 ตัว แปลงหญ้า 4,714 ไร่
ด้านประมง 10 จังหวัด เกษตรกรประสบภัย 11,562 ราย พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย แบ่งเป็น บ่อ 10,158 บ่อ คิดเป็นพื้นที่ 14,787 ไร่ กระชัง 7,387 กระชัง คิดเป็นพื้นที่ 111,168 ตารางเมตร
ด้านชลประทาน 8 จังหวัด จำนวน 347 รายการ คิดเป็นวงเงิน 710.15 ล้านบาท
การสำรวจความเสียหาย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการฯ ซึ่งบางจังหวัดได้ช่วยเหลือด้วยเงินทดรองราชการในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว
การช่วยเหลือเบื้องต้น
สนับสนุนเครื่องสูบน้ำ 90 เครื่อง พืชอาหารสัตว์ 461.49 ตัน และดูแลสุขภาพสัตว์ 20,387 ตัว
สถานการณ์น้ำ
1. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่
สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ (14 ธันวาคม 2552) มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ ทั้งหมด 53,795 ล้านลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 77 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมด น้อยกว่าปี 2551 (57,114 ล้าน ลบ.ม.) จำนวน 3,319 ล้านลบ.ม.คิดเป็นร้อยละ 5 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมด ปริมาตรน้ำใช้การได้ 30,268 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 43 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมด
อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำ น้อยกว่า ร้อยละ 30 ของความจุอ่างฯ จำนวน 1 อ่าง คือ อ่างเก็บน้ำแม่กวง (29%)
อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำ มากกว่า ร้อยละ 80 ของความจุอ่างฯ จำนวน 16 อ่าง คือ อ่างเก็บน้ำแม่งัด(88%) กิ่วลม(83%) จุฬาภรณ์(90%) ลำปาว(82%) สิรินธร(85%) ป่าสักชลสิทธิ์(86%) กระเสียว(86%) ศรีนครินทร์(90%) วชิราลงกรณ์(85%) ขุนด่านฯ(82%) หนองปลาไหล(98%) ประแสร์(94%) แก่งกระจาน(84%) ปราณบุรี(89%) รัชชประภา(88%) และบางลาง(81%)
อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก และอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ มีปริมาตรน้ำรวมกัน จำนวน 14,721 ล้านลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 64 ของความจุทั้งสองอ่างฯ น้อยกว่าปี 2551(18,093 ล้านลบ.ม.) จำนวน 3,372 ล้านลบ.ม.
2. สภาพน้ำท่า
ภาคเหนือ แม่น้ำปิง ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นบริเวณเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย แม่น้ำน่าน ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นบริเวณอำเภอเมือง จังหวัดน่าน ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย แม่น้ำวัง และแม่น้ำยม ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แม่น้ำมูลปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย ยกเว้น อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำปกติ
ภาคกลาง แม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำป่าสัก อยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย
ภาคใต้ คลองอู่ตะเภา แม่น้ำปัตตานี แม่น้ำโก-ลก คลองตันหยงมัส ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอยุติการรายงานสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 15 ธันวาคม 2552 --จบ--