คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาลในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2552 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับ เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ครั้งที่ 1- ครั้งที่ 3 รวม 3 ฉบับ ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
สาระสำคัญของเรื่อง
กระทรวงการคลัง (กค.) รายงานว่า
1. ณ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 กค. มียอดตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ-เงินสดจ่าย ของรัฐบาลจำนวน 281,000 ล้านบาท ซึ่งวงเงินดังกล่าวแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่ 1 เป็นวงเงินที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณที่สะสมมาจนถึงสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวน 201,000 ล้านบาท และส่วนที่ 2 เป็น วงเงินที่ได้ขออนุมัติเพิ่มเติมในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 เพื่อนำมาใช้ในการบริหารเงินสดของรัฐบาลจำนวน 80,000 ล้านบาท
2. ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2552 กค. ได้ดำเนินการแปลงตั๋วเงินคลังให้เป็นพัธบัตรรัฐบาลจำนวน 23,000 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ จำนวน 3 รุ่น โดยมีเงื่อนไขและรายละเอียดดังนี้
2.1 พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ครั้งที่ 1 (LB155A) อายุ 5.60 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.625 ต่อปี จำนวน 13,000 ล้านบาท โดยจำหน่ายในวันที่ 14 ตุลาคม 2552
2.2 พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ครั้งที่ 2 (LB406A) อายุ 30.70 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี จำนวน 3,000 ล้านบาท โดยจำหน่ายในวันที่ 14 ตุลาคม 2552
2.3 พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ครั้งที่ 3 (LB24DA) อายุ 15.15 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.75 ต่อปี จำนวน 7,000 ล้านบาท โดยจำหน่ายในวันที่ 28 ตุลาคม 2552
3. ภายหลังจากที่ได้ดำเนินการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาลจำนวน 23,000 ล้านบาทแล้ว ทำให้ ณ สิ้นเดือนตุลาคม พ.ศ. 2552 กค. มีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ-เงินสดจ่าย ของรัฐบาลจำนวน 258,000 ล้านบาท ประกอบด้วย ตั๋วเงินคลังเพื่อการบริหารเงินสดรับ-จ่าย ของรัฐบาลจำนวน 80,000 ล้านบาท และตั๋วเงินคลังเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณที่สะสมมาจนถึงสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวน 178,000 ล้านบาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 29 ธันวาคม 2552 --จบ--