เรื่อง ขออนุมัติรายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟู
และเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 สำหรับไตรมาสที่ 2/2553 (ม.ค.-มีค. 2553)
คณะรัฐมนตรีอนุมัติรายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินกู้เงินสำหรับไตรมาสที่ 2/2553 (มกราคม — มีนาคม 2553) ด้วยวิธีการทำสัญญากู้เงิน (Term Loan) วงเงิน 90,000 ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับขั้นตอนการกู้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ดังนี้
แผนการกู้เงินสำหรับไตรมาสที่ 2/2553 (ม.ค.-มีค. 2553)
กระทรวงการคลังรายงานว่า ณ วันที่ 4 ธันวาคม 2552 สำนักงบประมาณได้อนุมัติคำขอจัดสรรเงินกู้ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งแล้ว รวมทั้งสิ้นประมาณ 84,272.56 ล้านบาท (ภายใต้เงินลงทุนของโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 199,960.60 ล้านบาท) ในการนี้ หน่วยงานเจ้าของโครงการได้ดำเนินการ จัดซื้อจัดจ้างไปแล้ว วงเงินประมาณ 47,975.55 ล้านบาท (เบิกจ่ายแล้ว 21,392.96 ล้านบาท) และอยู่ระหว่างการจัดซื้อจัดจ้าง วงเงินประมาณ 36,297.01 ล้านบาท รวมวงเงินต้องเบิกจ่ายอีกจำนวน 62,879.60 ล้านบาท ประกอบกับคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2552 อนุมัติจัดสรรวงเงินกู้เพิ่มเติมตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งอีก 150,000 ล้านบาท โดยในเบื้องต้นได้ประมาณการแผนการใช้จ่ายเงินสำหรับไตรมาสที่ 2 ของปี 2553 (ม.ค.-มี.ค. 53) ประมาณ 67,546.92 ล้านบาท สำหรับรายละเอียดการใช้จ่ายเงินหน่วยงานเจ้าของโครงการอยู่ระหว่างการบันทึกข้อมูลรายละเอียดโครงการ พื้นที่โครงการ แผนการดำเนินงาน และแผนการใช้จ่ายเงิน เข้าสู่ระบบ e-Budgeting ตลอดจนเสนอคำขอรับการจัดสรรเงินต่อสำนักงบประมาณต่อไป
สำหรับแผนการใช้จ่ายเงินในไตรมาสที่ 2/2553 (ม.ค.-มีค. 2553) คาดว่าจะมีการเบิกจ่ายประมาณ 130,426.52 ล้านบาท (62,879.60 + 67,546.92 ล้านบาท) ประกอบกับยังมีวงเงินกู้คงเหลือประมาณ 38,607.03 ล้านบาท จึงเห็นควรกำหนดแผนการกู้เงินสำหรับไตรมาสที่ 2/2553 ด้วยวิธีการทำสัญญากู้เงิน (Term Loan) วงเงิน 90,000 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงิน ดังนี้ ผู้กู้ กระทรวงการคลังในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย วัตถุประสงค์ เพื่อนำมาใช้สำหรับแผนงานหรือโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555
ตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ
ระยะเวลาเงินกู้ 2 ปี แหล่งเงินกู้ ธนาคารพาณิชย์ที่ประกอบกิจการในประเทศไทยและสถาบันการเงินภาครัฐ อัตราดอกเบี้ย อัตราต่ำสุดของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือนประเภทบุคคลธรรมดาของ 4
ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR) เฉลี่ย (ธนาคารกรุงไทยฯ ธนาคารกรุงเทพฯ
ธนาคารไทยพาณิชย์ฯ และธนาคารกสิกรไทยฯ) เป็นฐานในการคำนวณอัตราดอกเบี้ยเงินกู้
และ/หรือ บวกส่วนเพิ่มหรือลบส่วนลดตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร โดยปรับ
อัตราดอกเบี้ย FDR ทุกงวด 6 เดือนหากมีการเปลี่ยนแปลงและการคิดดอกเบี้ย
จะเริ่มนับตั้งแต่วันที่มีการเบิกจ่ายเงินกู้
ระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกู้ ภายใน 6 เดือน
ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย เป็นไปตามข้อเสนอของแหล่งเงินกู้ ซึ่งจะได้มีการเจรจาต่อรองต่อไป
ตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร
ระยะเวลาการชำระต้นเงินคืน กำหนดชำระคืนต้นเงินกู้เมื่อครบกำหนด โดยชำระจาก
(1) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ หรือ
(2) ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
โดยรายละเอียดและเงื่อนไขต่างๆ ให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร
การชำระคืนต้นเงินก่อนกำหนด สามารถชำระคืนเงินต้นก่อนกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วน
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะพิจารณากำหนดแผนการเบิกจ่ายเงินกู้ จำนวนเงิน และระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกู้ ภายใต้เงื่อนไขที่เสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติในครั้งนี้ ให้สอดคล้องกับภาวะตลาดการเงินและแผนความต้องการใช้เงินในแต่ละโครงการ
อนึ่ง กระทรวงการคลังจะพิจารณาแนวทางการบริหารหนี้เงินกู้ดังกล่าว โดยการออกพันธบัตรออมทรัพย์เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประชาชน โดยจะพิจารณาความเหมาะสมในการออกพันธบัตรออมทรัพย์ดังกล่าวให้สอดคล้องกับภาวะตลาดการเงินต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 29 ธันวาคม 2552 --จบ--