เรื่อง รายงานผลการเตรียมความพร้อมของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการเตรียมความพร้อมของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด (ก.ธ.จ.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอดังนี้
ข้อเท็จจริง
เนื่องจากคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด (ก.ธ.จ.) เพิ่งจัดตั้งขึ้นตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งภารกิจส่วนใหญ่ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาเป็นการดำเนินการเพื่อให้มีการสรรหา ก.ธ.จ. และเตรียมความพร้อมให้กับ ก.ธ.จ. ในการปฏิบัติภารกิจในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ต่อไป ดังนั้น รายงานตามระเบียบข้อ 31 สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ซึ่งเป็นปีแรก จึงเป็นการรายงานผลการเตรียมความพร้อมของ ก.ธ.จ. เพื่อการปฏิบัติงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. ก.ธ.จ. เป็นคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2550 มาตรา 55/1 ก.ธ.จ. ประกอบด้วย ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีเขตอำนาจในจังหวัดเป็นประธาน ผู้แทนภาคประชาสังคม ผู้แทนสมาชิกสภาท้องถิ่นที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งผู้บริหาร และผู้แทนภาคธุรกิจเอกชน เป็นกรรมการ มีอำนาจหน้าที่ในการสอดส่องและเสนอแนะการปฏิบัติภารกิจของหน่วยงานของรัฐในจังหวัดให้ใช้วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี และเป็นไปตามหลักการที่กำหนดไว้ในมาตรา 3/1 ทั้งนี้ จำนวน วิธีการ สรรหา และการปฏิบัติหน้าที่ของ ก.ธ.จ. ให้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งต่อมาได้มีการออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด พ.ศ. 2552 และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2552
2. เมื่อระเบียบมีผลบังคับใช้ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่กำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการสรรหากรรมการตามระเบียบ ได้จัดทำประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการสรรหากรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด ลงวันที่ 28 เมษายน 2552 เพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติ และปฏิทินกำหนดกรอบระยะเวลาให้อำเภอและจังหวัดดำเนินการสรรหากรรมการให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน นับจากวันที่ระเบียบมีผลใช้บังคับ ทั้งนี้ กระบวนการสรรหาจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2552 และสิ้นสุดในวันที่ 26 กรกฎาคม 2552 ซึ่งปัจจุบัน จังหวัดและอำเภอได้ดำเนินการสรรหา ก.ธ.จ. เสร็จสิ้น และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ประกาศรับรองรายชื่อ ก.ธ.จ. ครบทุกจังหวัด ทั้ง 75 คณะแล้ว
3. ก.ธ.จ. ทุกคณะได้เริ่มปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่ โดยมีระยะเวลาในการปฏิบัติงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ประมาณ 2 เดือนเศษ ซึ่งในชั้นแรก ก.ธ.จ. แต่ละคณะได้มีการประชุมเพื่อรับทราบเกี่ยวกับบทบาท/อำนาจหน้าที่และ ข้อกำหนดต่างๆ ตามระเบียบฯ รวมทั้งพิจารณาเพื่อกำหนดกรอบและแนวทางในการปฏิบัติงาน โดย ก.ธ.จ. จะปฏิบัติภารกิจในการตรวจสอบและติดตามงาน/โครงการตามแผนพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ แผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด และการใช้จ่ายงบประมาณของจังหวัด งบประมาณของกระทรวงและกรมที่ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัด รวมทั้งงบอุดหนุนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ในการรับฟังข้อคิดเห็น รวมทั้งปัญหาข้อร้องเรียนจากประชาชนเกี่ยวกับการดำเนินการหรือการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐ/เจ้าหน้าที่ของรัฐอีกด้วย
4. เพื่อให้การยกระดับธรรมาภิบาลในจังหวัดมีผลอย่างเป็นรูปธรรม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้วางแผนที่จะสนับสนุนการดำเนินงานของ ก.ธ.จ. ในช่วงต่อไป ดังนี้
4.1 ดำเนินการเพื่อศึกษาวิจัยกำหนดกรอบทิศทางในการปฏิบัติงานที่เป็นมาตรฐานตามอำนาจหน้าที่ของ ก.ธ.จ. และกำหนดตัวชี้วัดในการปฏิบัติงานที่ชัดเจน ทั้งนี้ เพื่อให้การปฏิบัติงานดังกล่าวได้มีส่วนสนับสนุนการยกระดับธรรมาภิบาลในจังหวัดให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งการดำเนินงานศึกษาวิจัยเพื่อประเมินสถานะของระดับธรรมาภิบาลและการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีของหน่วยงานของรัฐเพื่อการวัดผลอีกด้วย
4.2 ปลูกฝังค่านิยมในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐให้กับประชาชน และเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้เข้ามีส่วนร่วมในการให้ข้อมูลหรือแจ้งเบาะแสในการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐให้กับ ก.ธ.จ. เพื่อใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
4.3 ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับบทบาทและอำนาจหน้าที่ของ ก.ธ.จ. เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้รับทราบเกี่ยวกับกลไกการตรวจสอบภาคประชาชนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดพ.ศ. 2552 เพื่อให้การปฏิบัติงานของ ก.ธ.จ.มีความคล่องตัว และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
4.4 ประสานความร่วมมือระหว่าง ก.ธ.จ. กับองค์กรตรวจสอบและองค์กรติดตามประเมินผลอื่นๆ เพื่อให้การขับเคลื่อนธรรมาภิบาลและการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีมีอยู่ในระบบการบริหารของทุกหน่วยงานของรัฐทุกจังหวัด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 29 ธันวาคม 2552 --จบ--