ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจ

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday January 13, 2010 13:31 —มติคณะรัฐมนตรี

เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ.2540 พ.ศ.....

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ พ.ศ.2540 พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป

สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ

          ประเด็น                                                  สาระสำคัญ
ขอบเขตของการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์            1. การแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ให้กระทำได้โดยนิติบุคคลเฉพาะกิจ

รับโอนสินทรัพย์หรือรับสินทรัพย์ไว้เป็นหลักประกันจากผู้จำหน่ายสินทรัพย์

และทำการออกและจำหน่ายหลักทรัพย์ แล้วนำเงินที่ได้รับจากการจำหน่าย

หลักทรัพย์ดังกล่าวมาชำระแก่ผู้จำหน่ายสินทรัพย์ รวมทั้งจะชำระหนี้แก่ผู้ถือ

หลักทรัพย์ตามกระแสรายรับที่เกิดจากสินทรัพย์ที่รับโอนมาหรือที่รับไว้เป็น

หลักประกันนั้น (ร่างมาตรา 3)

2. โดยหลักทั่วไป การดำเนินการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ของนิติบุคคลเฉพาะกิจ

ในแต่ละโครงการจะกระทำได้เพียงชั้นเดียวเท่านั้น หากจะมีการนำสิทธิ

เรียกร้องของหลักทรัพย์ที่ออกตามโครงการที่ได้รับอนุมัติตามกฎหมายมาทำการ

แปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ในโครงการอื่นอีก ก็จะต้องได้รับความเห็นชอบจาก

คณะกรรมการ ก.ล.ต.ก่อนเพื่อมิให้มีการดำเนินการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์

ที่ซับซ้อนหลายชั้น อันจะเป็นการป้องกันมิให้เกิดผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจ

(ร่างมาตรา 5 เพิ่มเติมมาตรา 10/1)

ผู้ทำการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์                  ผู้จำหน่ายสินทรัพย์หรือบุคคลที่คณะกรรมการ ก.ล.ต.ประกาศกำหนดจะเป็นผู้เสนอ

โครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ โดยต้องมีการระบุรูปแบบของนิติบุคคลเฉพาะกิจ

และรายละเอียดของโครงการตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต.ประกาศกำหนด

(ร่างมาตรา 4 แก้ไขมาตรา 10)

อำนาจและหน้าที่ของนิติบุคคลเฉพาะกิจ                1. รับโอนสินทรัพย์ หรือรับสินทรัพย์ไว้เป็นหลักประกัน

2. ออกหลักทรัพย์จำหน่ายแก่ผู้ลงทุน

3. ทำสัญญากับบุคคลต่างๆ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการให้เป็นไปตามโครงการ

ที่ได้รับอนุมัติ

4. ก่อหนี้สินหรือภาระผูกพันตามที่ระบุไว้ในโครงการที่ได้รับอนุมัติ

5. ลงทุนหรือหาผลประโยชน์จากสินทรัพย์ที่รับโอนมาตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต.อนุญาต

6. ดำเนินการอื่นใดตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต.ประกาศกำหนด

(ร่างมาตรา 8 แก้ไขมาตรา 12)

สิทธิประโยชน์ในการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์         กรณีมีการโอนและการเปลี่ยนแปลงรายการทางทะเบียนเกี่ยวกันสินทรัพย์ ทรัพย์สิน

และหลักประกันของสินทรัพย์ตามโครงการ ให้ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้น

(ร่างมาตรา 11 แก้ไขมาตรา 17)

การเพิกถอนการจดทะเบียนนิติบุคคลเฉพาะกิจ           สำนักงาน ก.ล.ต.มีอำนาจเพิกถอนการจดทะเบียนนิติบุคคลเฉพาะกิจในกรณีดังต่อไปนี้

1. กรณีที่นิติบุคคลเฉพาะกิจใดมิได้มุ่งหมายที่จะทำการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์อย่าง

แท้จริงและโดยที่ในการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์เกิดจากความร่วมมือกันและเพื่อ

ผลประโยชน์ระหว่างนิติบุคคลเฉพาะกิจและผู้จำหน่ายสินทรัพย์ จึงกำหนดให้บุคคลดัง

กล่าวร่วมกันรับผิดชดใช้เงินเป็นจำนวนสองเท่าของจำนวนเงินที่ได้รับยกเว้นค่า

ธรรมเนียมและหากนิติบุคคลเฉพาะกิจได้รับสิทธิพิเศษอื่นใดที่ไม่อาจคำนวณเป็นเงินได้

ให้ชดใช้เงินเป็นจำนวนหนึ่งล้านบาทด้วย และให้เงินที่ชดใช้ดังกล่าวข้างต้นตกเป็น

รายได้ของแผ่นดิน (ร่างมาตรา 12 แก้ไขมาตรา 22)

2. กรณีที่นิติบุคคลเฉพาะกิจทำการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์โดยมิได้ปฏิบัติตามหลัก

เกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต.ประกาศกำหนด (ร่างมาตรา 13 เพิ่มเติม

มาตรา 22/1)

3. กรณีที่สำนักงาน ก.ล.ต.เห็นว่านิติบุคคลเฉพาะกิจใดไม่อาจดำเนินกิจการต่อไปได้

ทั้งนี้ การเพิกถอนการจดทะเบียนนิติบุคคลเฉพาะกิจดังกล่าวให้ถือเป็นการเลิกบริษัทด้วย

และให้มีการแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีของนิติบุคคลนั้น (ร่างมาตรา 16 แก้ไขมาตรา 29)

การสิ้นสุดของนิติบุคคลเฉพาะกิจ                     1. เมื่อมีการชำระหนี้แก่ผู้ถือหลักทรัพย์ของนิติบุคคลเฉพาะกิจจนครบถ้วนแล้ว และได้

โอนสินทรัพย์ที่เหลืออยู่ทั้งหมดกลับคืนไปยังผู้จำหน่ายสินทรัพย์หรือปลดสินทรัพย์

จากการเป็นหลักประกันแล้ว

2. เมื่อมีการเลิกนิติบุคคลเฉพาะกิจโดยได้รับคววามเห็นชอบจากผู้ถือหลักทรัพย์ของ

นิติบุคคลเฉพาะกิจนั้นเกินกว่าสองในสามของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้และ

ยังคงมีอยู่

3. เมื่อมีเหตุให้นิติบุคคลเฉพาะกิจสิ้นสุดลงตามที่กำหนดไว้ในโครงการ

4. เมื่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพิกถอนการจดทะเบียนนิติบุคคลเฉพาะกิจ

เมื่อนิติบุคคลเฉพาะกิจสิ้นสุดลง นอกจากการสิ้นสุดลงเพราะเหตุที่สำนักงาน ก.ล.ต.

เพิกถอนการจดทะเบียนหากมีสินทรัพย์หรือทรัพย์สินคงเหลือซึ่งตามโครงการกำหนดให้

โอนคืนนั้น ให้โอนคืนเป็นสิทธิของผู้จำหน่ายสินทรัพย์ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด

(ร่างมาตรา 14 แก้ไขมาตรา 23 และมาตรา 24)

บทกำหนดโทษ                                  1. กรณีที่ผู้เสนอโครงการได้แสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอก

ให้แจ้ง หรือกรณีที่นิติบุคคลเฉพาะกิจซึ่งเป็นนิติบุคคลได้กระทำการนอกจากที่กำหนด

ไว้ในโครงการที่ได้รับอนุมัติ กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการ

ดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสาม

แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้มีส่วนในการกระทำความ

ผิดนั้น (ร่างมาตรา 18 แก้ไขมาตรา 35)

2. กรณีที่นิติบุคคลมิได้จัดการอันสมควรเพื่อปกปักรักษาทรัพย์และประโยชน์ของผู้ถือ

หลักทรัพย์ของนิติบุคคลเฉพาะกิจหรือแจ้งการครอบครองทรัพย์สินหรือเอกสารของ

นิติบุคคลเฉพาะกิจให้ผู้แทนชั่วคราวทราบภายในระยะเวลาที่สำนักงาน ก.ล.ต.

กำหนด กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของ

นิติบุคคลต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือ

ทั้งจำทั้งปรับ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้มีส่วนในการกระทำความผิดนั้น

(ร่างมาตรา 19 แก้ไขมาตรา 37)

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 12 มกราคม 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ