คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) ซึ่งเป็นเจ้าภาพรับผิดชอบในการ แก้ไขปัญหาภัยแล้งและการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ รวมตลอดถึงการพิจารณาแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รายงานการแก้ไขปัญหาภัยแล้งทั้งระบบในภาพรวม ดังนี้
สถานการณ์ ณ วันที่ 17 กรกฎาคม 2548
ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ
ความจุที่ระดับกักเก็บ ปริมาตรน้ำใช้การไม่ได้ ปริมาตรน้ำในอ่าง
อ่างเก็บน้ำ (ล้านลูกบาศก์เมตร) (Dead Storage) ณ 17 กรกฎาคม 2548
(ล้านลูกบาศก์เมตร)
หนองปลาไหล 163.75 13.50 17.78
ดอกกราย 71.40 3.00 8.52
ประแสร์ 248.00 9.05 36.92
บางพระ 117.00 12.06 17.61
คลองใหญ่ 40.10 3.00 0.00*
หมายเหตุ : * เพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จ ยังไม่มีน้ำเข้าเก็บกัก
สถานการณ์จังหวัดระยอง
อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลและท่าดอกกราย มีปริมาณน้ำในอ่างรวมกัน 26.30 ล้านลูกบาศก์เมตร ในขณะที่มีน้ำไหลเข้าวันละ 0.45 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่จากความต้องการน้ำอุปโภค-บริโภค การอุตสาหกรรมและการเกษตร จาก 2 อ่างรวมกันประมาณ 0.50 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้งสอง สามารถรองรับการใช้น้ำในกรณีที่ไม่มีฝนตกได้ถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2548
แนวทางแก้ไข
1. แผนเร่งด่วน
1.1 วางท่อที่ 1 ดำเนินการโดย บริษัท อีสต์ วอเตอร์ จำกัด (มหาชน) เพื่อผันน้ำจากแม่น้ำระยองเข้าสู่ระบบต่อของบริษัท อีสต์ วอเตอร์ จำกัด (มหาชน) ระยะทางประมาณ 17 กิโลเมตร สามารถส่งน้ำได้ 120,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน คาดว่าจะส่งน้ำได้ภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2548
1.2 วางท่อที่ 2 ดำเนินการโดยจังหวัดระยอง เพื่อผันน้ำจากแม่น้ำระยองเข้าสู่คลองทับมาและคลองหูเพื่อส่งเข้าระบบท่อของการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด สามารถส่งน้ำได้ 100,000 ลูกบาศก์เมตร คาดว่าจะส่งน้ำได้ ภายในวันที่ 22 สิงหาคม 2548
1.3 ขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เริ่มดำเนินการขุดเจาะแล้ว ได้รับการยืนยันจาก ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คาดว่าจะแล้วเสร็จตามเป้าภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2549 เป็นวันที่ 22 สิงหาคม 2548 เป็นปริมาณ 100,000 ลูกบาศก์เมตร และจัดส่งน้ำได้ 1.8 แสน ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ภายในวันที่ 15 กันยายน 2548
1.4 จัดทำฝนหลวงโดยสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร
2. แผนระยะกลาง (ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2549)
2.1 วางท่อผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่สู่อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล ระยะทาง 4.0 กิโลเมตร ดำเนินการโดยกรมชลประทาน อยู่ระหว่างดำเนินการประกวดราคา คาดว่าจะก่อสร้างและสร้างประมาณวันที่ 31 มกราคม 2549 เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จคาดว่าจะส่งน้ำได้ 16.5 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี
2.2 วางท่อผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์-คลองใหญ่-หนองปลาไหล-การนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด โดยบริษัท อีสต์ วอเตอร์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับกรมชลประทาน อยู่ระหว่างเตรียมการ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนมกราคม 2549 เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะสามารถส่งน้ำได้ 30 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี
3. แผน 2 ปี
3.1 โครงการวางท่อผันน้ำอ่างเก็บน้ำดอกกราย-หนองปลาไหล โดยกรมชลประทาน คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2549 เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จคาดว่าจะส่งน้ำได้ 40 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี
3.2 ก่อสร้างประตูระบายน้ำแม่น้ำระยอง พร้อมทั้งขุดลอกแม่น้ำระยองทั้งสายโดยกรมชลประทาน คาดว่าจะสามารถก่อสร้างได้แล้วเสร็จภายในปี 2550
สถานการณ์จังหวัดชลบุรี
ปัจจุบันมีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ จำนวน 8 อ่าง รวม 24.59 ล้านลูกบาศก์เมตร มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างรวมกัน 23,000 ลูกบาศก์เมตร ในขณะที่มีปริมาณการใช้รวมกันวันละ 430,000 ลูกบาศก์เมตร ทำให้สามารถใช้ได้ในกรณีไม่มีฝนตกได้ถึงต้นเดือนกันยายน 2548
แนวทางแก้ไข
1. แผนเร่งด่วน
1.1 วางท่อส่งน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 700 มิลลิเมตร จากอ่างเก็บน้ำบางพระไปยังการประปาชลบุรีเพิ่มขึ้น 10,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน และการประปาพัทยา เพิ่มขึ้น 40,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน ดำเนินการโดย บริษัท อีสต์ วอเตอร์ จำกัด (มหาชน) คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 20 สิงหาคม 2548
1.2 มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งรัดการทำฝนเทียม และให้กรมชลประทานเร่งรัดการขุดลอกอ่างเก็บน้ำ เพื่อเพิ่มปริมาณการเก็บกัก
2. แผนระยะสั้น
2.1 วางท่อส่งน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1,400 มิลลิเมตร จากแม่น้ำบางปะกง เพื่อเติมน้ำลงในอ่างเก็บน้ำบางพระ ดำเนินการโดยบริษัท อีสต์ วอเตอร์ จำกัด (มหาชน) พร้อมทั้งเพิ่มปั๊มน้ำเพื่อเพิ่มแรงดันและปริมาณน้ำ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ เมื่อแล้วเสร็จจะสามารถส่งน้ำได้ประมาณ 50 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนมิถุนายน 2549 (หากในกรณีก่อนดำเนินการแล้วเสร็จ อ่างเก็บน้ำบางพระมีปัญหาเร่งด่วน ปัจจุบันสามารถส่งน้ำจากอ่างเก็บน้ำท่าดอกกรายและหนองปลาไหล แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้)
3. แผนระยะกลาง 2 ปี
3.1 มอบหมายให้กรมชลประทานร่วมกับจังหวัดชลบุรีและบริษัท อีสต์ วอเตอร์ จำกัด (มหาชน) เร่งศึกษาการวางท่อเพิ่มขึ้นอีก 1 ท่อ โดยวางคู่ขนานกับท่อเดิม เมื่อแล้วเสร็จจะสามารถเติมน้ำลงในอ่างเก็บน้ำบางพระเพิ่มได้อีก 70 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี
3.2 ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำมาบหวายโสม ตำบลเขาไม้แก้ว อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี อยู่ระหว่างออกแบบ จะแล้วเสร็จภายใน 4 เดือน และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในกลางปี 2550 เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะสามารถสนับสนุนน้ำให้เมืองพัทยาได้ประมาณ 9 — 10 ล้านลูกบาศก์เมตร
ซึ่งจากการดำเนินการดังกล่าวในเบื้องต้นในส่วนของจังหวัดระยอง ตามข้อ 1.1, 1.2 และ 1.3 ซึ่งจะสามารถเพิ่มปริมาณน้ำโดยประมาณ 400,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน ประกอบกับน้ำต้นทุนที่มีอยู่ในปัจจุบัน ขอเรียนยืนยันให้เกิดความมั่นใจแก่ภาคอุตสาหกรรมว่า ในกรณีที่ไม่มีฝนตกเลยทั้งจากมรสุมและฝนเทียม จะสามารถรองรับความต้องการใช้น้ำในภาคอุตสาหกรรมได้อีกไม่น้อยกว่า 200 วัน
และเมื่อโครงการการวางท่อเชื่อมคลองใหญ่-อ่างหนองปลาไหล, โครงการวางท่อต่อเชื่อมอ่างเก็บน้ำดอกกราย-หนองปลาไหล, โครงการวางท่อเชื่อมอ่างประแสร์-คลองใหญ่-หนองปลาไหล ทั้ง 3 โครงการแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2548 และมกราคม 2549 ตามลำดับ จะสามารถส่งน้ำให้การนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดได้เพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 500,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน
เมื่อโครงการวางท่อส่งน้ำแม่น้ำบางปะกง-บางพระ เสร็จสิ้นในเดือนมิถุนายน 2549 จะสามารถส่งน้ำเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำบางพระได้ประมาณ 50 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี และโครงการวางท่อเชื่อมท่าลาด-โรงสูบน้ำคลองเขื่อน แล้วเสร็จในเดือนเดียวกัน สามารถส่งน้ำได้ประมาณ 150,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน
ทำให้เมื่อดำเนินการตามมาตรการข้างต้นแล้ว จะมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 250 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี ซึ่งจะเพียงพอต่อการรองรับความต้องการน้ำทั้งด้านการอุปโภค-บริโภค การเกษตรและการอุตสาหกรรม รวมตลอดจนการท่องเที่ยวได้อย่างเพียงพอ
นอกจากนี้ เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน จึงได้สั่งการให้ดำเนินการในส่วนอื่น ๆ อีกคือ
1. อ่างเก็บน้ำคลองสียัด สั่งการให้วางแผนก่อสร้างฝายยาง เพื่อยกระดับฝายน้ำล้นให้สูงขึ้นประมาณ 2 เมตร ใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 7 เดือน คาดว่าจะสามารถเพิ่มระดับน้ำได้ประมาณ 80 ล้านลูกบาศก์เมตร
2. ศึกษาโครงการขุดลอกคลองท่าลาดโดยสั่งการกรมชลประทานเร่งดำเนินการ เพื่อเพิ่มปริมาณเก็บกักน้ำ หากดำเนินการแล้วเสร็จ จะสามารถเพิ่มปริมาณน้ำได้ประมาณ 50 ล้านลูกบาศก์เมตร
3. เร่งรัดโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวงโดยกรมชลประทาน เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำให้กับอ่างเก็บน้ำบางพระ โดยกรมชลประทานรายงานว่าจะสามารถศึกษาในส่วนของสิ่งแวดล้อมได้แล้วเสร็จภายในประมาณ 4 เดือน (มอบให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นผู้ศึกษา) หากไม่มีปัญหาจะสามารถก่อสร้างแล้วเสร็จได้ภายใน 2 ปี ปริมาณเก็บกักประมาณ 150 ลูกบาศก์เมตร
4. ได้มีมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 มอบหมายให้กรมชลประทานดำเนินการก่อสร้างโครงการห้วยโสมง เพื่อใช้ในลุ่มน้ำปราจีนและเติมน้ำลงในแม่น้ำบางปะกง โดยเร่งรัดให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2550 ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะสามารถกักเก็บน้ำได้ 217.20 ล้านลูกบาศก์เมตร
5. ได้สั่งการให้กรมชลประทานทำการศึกษาการปรับปรุงโครงการแควระบมอยู่ระหว่างรอรายงานผลการศึกษา
6. กำหนดให้มีการศึกษาแนวทางป้องกันตลิ่งพังทลายในแม่น้ำบางปะกง เพื่อรองรับหากในอนาคตมีความจำเป็นต้องปิดเขื่อนปากแม่น้ำเพื่อกักเก็บน้ำ
ซึ่งเมื่อโครงการต่าง ๆ ในส่วนที่เหลือดำเนินการแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2550 จะสามารถแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์น้ำในภาคตะวันออกได้อย่างเป็นระบบและยั่งยืน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 19 กรกฎาคม 2548--จบ--
สถานการณ์ ณ วันที่ 17 กรกฎาคม 2548
ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ
ความจุที่ระดับกักเก็บ ปริมาตรน้ำใช้การไม่ได้ ปริมาตรน้ำในอ่าง
อ่างเก็บน้ำ (ล้านลูกบาศก์เมตร) (Dead Storage) ณ 17 กรกฎาคม 2548
(ล้านลูกบาศก์เมตร)
หนองปลาไหล 163.75 13.50 17.78
ดอกกราย 71.40 3.00 8.52
ประแสร์ 248.00 9.05 36.92
บางพระ 117.00 12.06 17.61
คลองใหญ่ 40.10 3.00 0.00*
หมายเหตุ : * เพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จ ยังไม่มีน้ำเข้าเก็บกัก
สถานการณ์จังหวัดระยอง
อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลและท่าดอกกราย มีปริมาณน้ำในอ่างรวมกัน 26.30 ล้านลูกบาศก์เมตร ในขณะที่มีน้ำไหลเข้าวันละ 0.45 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่จากความต้องการน้ำอุปโภค-บริโภค การอุตสาหกรรมและการเกษตร จาก 2 อ่างรวมกันประมาณ 0.50 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้งสอง สามารถรองรับการใช้น้ำในกรณีที่ไม่มีฝนตกได้ถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2548
แนวทางแก้ไข
1. แผนเร่งด่วน
1.1 วางท่อที่ 1 ดำเนินการโดย บริษัท อีสต์ วอเตอร์ จำกัด (มหาชน) เพื่อผันน้ำจากแม่น้ำระยองเข้าสู่ระบบต่อของบริษัท อีสต์ วอเตอร์ จำกัด (มหาชน) ระยะทางประมาณ 17 กิโลเมตร สามารถส่งน้ำได้ 120,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน คาดว่าจะส่งน้ำได้ภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2548
1.2 วางท่อที่ 2 ดำเนินการโดยจังหวัดระยอง เพื่อผันน้ำจากแม่น้ำระยองเข้าสู่คลองทับมาและคลองหูเพื่อส่งเข้าระบบท่อของการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด สามารถส่งน้ำได้ 100,000 ลูกบาศก์เมตร คาดว่าจะส่งน้ำได้ ภายในวันที่ 22 สิงหาคม 2548
1.3 ขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เริ่มดำเนินการขุดเจาะแล้ว ได้รับการยืนยันจาก ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คาดว่าจะแล้วเสร็จตามเป้าภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2549 เป็นวันที่ 22 สิงหาคม 2548 เป็นปริมาณ 100,000 ลูกบาศก์เมตร และจัดส่งน้ำได้ 1.8 แสน ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ภายในวันที่ 15 กันยายน 2548
1.4 จัดทำฝนหลวงโดยสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร
2. แผนระยะกลาง (ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2549)
2.1 วางท่อผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่สู่อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล ระยะทาง 4.0 กิโลเมตร ดำเนินการโดยกรมชลประทาน อยู่ระหว่างดำเนินการประกวดราคา คาดว่าจะก่อสร้างและสร้างประมาณวันที่ 31 มกราคม 2549 เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จคาดว่าจะส่งน้ำได้ 16.5 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี
2.2 วางท่อผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์-คลองใหญ่-หนองปลาไหล-การนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด โดยบริษัท อีสต์ วอเตอร์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับกรมชลประทาน อยู่ระหว่างเตรียมการ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนมกราคม 2549 เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะสามารถส่งน้ำได้ 30 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี
3. แผน 2 ปี
3.1 โครงการวางท่อผันน้ำอ่างเก็บน้ำดอกกราย-หนองปลาไหล โดยกรมชลประทาน คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2549 เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จคาดว่าจะส่งน้ำได้ 40 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี
3.2 ก่อสร้างประตูระบายน้ำแม่น้ำระยอง พร้อมทั้งขุดลอกแม่น้ำระยองทั้งสายโดยกรมชลประทาน คาดว่าจะสามารถก่อสร้างได้แล้วเสร็จภายในปี 2550
สถานการณ์จังหวัดชลบุรี
ปัจจุบันมีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ จำนวน 8 อ่าง รวม 24.59 ล้านลูกบาศก์เมตร มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างรวมกัน 23,000 ลูกบาศก์เมตร ในขณะที่มีปริมาณการใช้รวมกันวันละ 430,000 ลูกบาศก์เมตร ทำให้สามารถใช้ได้ในกรณีไม่มีฝนตกได้ถึงต้นเดือนกันยายน 2548
แนวทางแก้ไข
1. แผนเร่งด่วน
1.1 วางท่อส่งน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 700 มิลลิเมตร จากอ่างเก็บน้ำบางพระไปยังการประปาชลบุรีเพิ่มขึ้น 10,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน และการประปาพัทยา เพิ่มขึ้น 40,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน ดำเนินการโดย บริษัท อีสต์ วอเตอร์ จำกัด (มหาชน) คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 20 สิงหาคม 2548
1.2 มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งรัดการทำฝนเทียม และให้กรมชลประทานเร่งรัดการขุดลอกอ่างเก็บน้ำ เพื่อเพิ่มปริมาณการเก็บกัก
2. แผนระยะสั้น
2.1 วางท่อส่งน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1,400 มิลลิเมตร จากแม่น้ำบางปะกง เพื่อเติมน้ำลงในอ่างเก็บน้ำบางพระ ดำเนินการโดยบริษัท อีสต์ วอเตอร์ จำกัด (มหาชน) พร้อมทั้งเพิ่มปั๊มน้ำเพื่อเพิ่มแรงดันและปริมาณน้ำ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ เมื่อแล้วเสร็จจะสามารถส่งน้ำได้ประมาณ 50 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนมิถุนายน 2549 (หากในกรณีก่อนดำเนินการแล้วเสร็จ อ่างเก็บน้ำบางพระมีปัญหาเร่งด่วน ปัจจุบันสามารถส่งน้ำจากอ่างเก็บน้ำท่าดอกกรายและหนองปลาไหล แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้)
3. แผนระยะกลาง 2 ปี
3.1 มอบหมายให้กรมชลประทานร่วมกับจังหวัดชลบุรีและบริษัท อีสต์ วอเตอร์ จำกัด (มหาชน) เร่งศึกษาการวางท่อเพิ่มขึ้นอีก 1 ท่อ โดยวางคู่ขนานกับท่อเดิม เมื่อแล้วเสร็จจะสามารถเติมน้ำลงในอ่างเก็บน้ำบางพระเพิ่มได้อีก 70 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี
3.2 ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำมาบหวายโสม ตำบลเขาไม้แก้ว อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี อยู่ระหว่างออกแบบ จะแล้วเสร็จภายใน 4 เดือน และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในกลางปี 2550 เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะสามารถสนับสนุนน้ำให้เมืองพัทยาได้ประมาณ 9 — 10 ล้านลูกบาศก์เมตร
ซึ่งจากการดำเนินการดังกล่าวในเบื้องต้นในส่วนของจังหวัดระยอง ตามข้อ 1.1, 1.2 และ 1.3 ซึ่งจะสามารถเพิ่มปริมาณน้ำโดยประมาณ 400,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน ประกอบกับน้ำต้นทุนที่มีอยู่ในปัจจุบัน ขอเรียนยืนยันให้เกิดความมั่นใจแก่ภาคอุตสาหกรรมว่า ในกรณีที่ไม่มีฝนตกเลยทั้งจากมรสุมและฝนเทียม จะสามารถรองรับความต้องการใช้น้ำในภาคอุตสาหกรรมได้อีกไม่น้อยกว่า 200 วัน
และเมื่อโครงการการวางท่อเชื่อมคลองใหญ่-อ่างหนองปลาไหล, โครงการวางท่อต่อเชื่อมอ่างเก็บน้ำดอกกราย-หนองปลาไหล, โครงการวางท่อเชื่อมอ่างประแสร์-คลองใหญ่-หนองปลาไหล ทั้ง 3 โครงการแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2548 และมกราคม 2549 ตามลำดับ จะสามารถส่งน้ำให้การนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดได้เพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 500,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน
เมื่อโครงการวางท่อส่งน้ำแม่น้ำบางปะกง-บางพระ เสร็จสิ้นในเดือนมิถุนายน 2549 จะสามารถส่งน้ำเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำบางพระได้ประมาณ 50 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี และโครงการวางท่อเชื่อมท่าลาด-โรงสูบน้ำคลองเขื่อน แล้วเสร็จในเดือนเดียวกัน สามารถส่งน้ำได้ประมาณ 150,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน
ทำให้เมื่อดำเนินการตามมาตรการข้างต้นแล้ว จะมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 250 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี ซึ่งจะเพียงพอต่อการรองรับความต้องการน้ำทั้งด้านการอุปโภค-บริโภค การเกษตรและการอุตสาหกรรม รวมตลอดจนการท่องเที่ยวได้อย่างเพียงพอ
นอกจากนี้ เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน จึงได้สั่งการให้ดำเนินการในส่วนอื่น ๆ อีกคือ
1. อ่างเก็บน้ำคลองสียัด สั่งการให้วางแผนก่อสร้างฝายยาง เพื่อยกระดับฝายน้ำล้นให้สูงขึ้นประมาณ 2 เมตร ใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 7 เดือน คาดว่าจะสามารถเพิ่มระดับน้ำได้ประมาณ 80 ล้านลูกบาศก์เมตร
2. ศึกษาโครงการขุดลอกคลองท่าลาดโดยสั่งการกรมชลประทานเร่งดำเนินการ เพื่อเพิ่มปริมาณเก็บกักน้ำ หากดำเนินการแล้วเสร็จ จะสามารถเพิ่มปริมาณน้ำได้ประมาณ 50 ล้านลูกบาศก์เมตร
3. เร่งรัดโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวงโดยกรมชลประทาน เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำให้กับอ่างเก็บน้ำบางพระ โดยกรมชลประทานรายงานว่าจะสามารถศึกษาในส่วนของสิ่งแวดล้อมได้แล้วเสร็จภายในประมาณ 4 เดือน (มอบให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นผู้ศึกษา) หากไม่มีปัญหาจะสามารถก่อสร้างแล้วเสร็จได้ภายใน 2 ปี ปริมาณเก็บกักประมาณ 150 ลูกบาศก์เมตร
4. ได้มีมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 มอบหมายให้กรมชลประทานดำเนินการก่อสร้างโครงการห้วยโสมง เพื่อใช้ในลุ่มน้ำปราจีนและเติมน้ำลงในแม่น้ำบางปะกง โดยเร่งรัดให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2550 ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะสามารถกักเก็บน้ำได้ 217.20 ล้านลูกบาศก์เมตร
5. ได้สั่งการให้กรมชลประทานทำการศึกษาการปรับปรุงโครงการแควระบมอยู่ระหว่างรอรายงานผลการศึกษา
6. กำหนดให้มีการศึกษาแนวทางป้องกันตลิ่งพังทลายในแม่น้ำบางปะกง เพื่อรองรับหากในอนาคตมีความจำเป็นต้องปิดเขื่อนปากแม่น้ำเพื่อกักเก็บน้ำ
ซึ่งเมื่อโครงการต่าง ๆ ในส่วนที่เหลือดำเนินการแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2550 จะสามารถแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์น้ำในภาคตะวันออกได้อย่างเป็นระบบและยั่งยืน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 19 กรกฎาคม 2548--จบ--