ขออนุมัติหลักการขอใช้เงินงบกลาง

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday February 10, 2010 14:28 —มติคณะรัฐมนตรี

เรื่อง ขออนุมัติหลักการขอใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พิจารณาจ่ายค่าดอกเบี้ยค้างชำระ จำนวน 2,055.8941 ล้านบาท จากงบประมาณค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการรับจำนำผลผลิตการเกษตร ปีการผลิต 2551 — 2552 ซึ่งได้รับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2553 จำนวน 3,523.08 ล้านบาท และจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรที่ได้รับอนุมัติจากโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (วงเงินตามพระราชกำหนดฯ 149,999.8371 ล้านบาท) จำนวน 1,706 ล้านบาท ไปก่อน โดยคำนวณดอกเบี้ยจากเงินและระยะเวลาที่จ่ายจริง ทั้งนี้ หากการใช้จ่ายในกรณีดังกล่าวจ่ายแล้วมีผลให้ค่าบริหารโครงการไม่เพียงพอ ก็ขอให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ต่อไป

สาระสำคัญของเรื่อง

กระทรวงการคลังรายงานว่า

1. ตามมติคณะรัฐมนตรี (4 พฤศจิกายน 2551) อนุมัติให้ ธ.ก.ส.กู้เงินจากธนาคารกรุงไทยและธนาคารที่เข้าร่วมโครงการในวงเงิน 110,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการรับจำนำผลิตผลการเกษตร ปี 2551/52 ตามนโยบายของรัฐบาลโดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ย ทั้งนี้ ให้รัฐบาลรับภาระต้นเงินและดอกเบี้ยจากการกู้เงินดังกล่าว

2. ธ.ก.ส.ได้กู้เงินเพื่อใช้ในโครงการดังกล่าว จำนวน 102,370 ล้านบาท และมีภาระผูกพันต้องชำระดอกเบี้ยภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4,110.3656 ล้านบาท แต่สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 เป็นค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ให้ ธ.ก.ส.จำนวน 2,054.4715 ล้านบาท ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับชำระดอกเบี้ยตามภาระผูกพันอีก จำนวน 2,055.8941 ล้านบาท

3. ตามมติคณะรัฐมนตรี (13 ตุลาคม 2552) เห็นชอบให้โครงการรับจำนำผลิตผลการเกษตร ปี 2551/52 (ภาระดอกเบี้ยเงินกู้ให้สถาบันการเงิน) วงเงิน 1,919.6680 ล้านบาท เป็นโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 แต่ไม่ได้รับการจัดสรรเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 กอรปกับพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ พ.ศ. .... ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าไม่ทันกับกำหนดการชำระดอกเบี้ยตามภาระผูกพัน และหากผิดนัดชำระต้นเงินหรือดอกเบี้ยธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้จะเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยผิดนัดตามประกาศของแต่ละธนาคาร (ปัจจุบันไม่ต่ำกว่าอัตราร้อยละ 15 ต่อปี)

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ