คณะรัฐมนตรีรับทราบงบประมาณทำการของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2553 ที่ได้ปรับปรุงใหม่ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ โดยมีสาระสำคัญดังนี้
1. การปรับปรุงข้อมูลงบประมาณทำการของรัฐวิสาหกิจ
1.1 ภาพรวมการปรับปรุงงบประมาณทำการปี 2552
ผลประกอบการเบื้องต้นของรัฐวิสาหกิจในภาพรวมปี 2552 ณ เดือนธันวาคม 2552 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิประมาณ 61,010 ล้านบาท ลดลงจากเดิมที่ได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2552 ร้อยละ 20.9 จากที่ประมาณว่าจะมีกำไรสุทธิ จำนวน 77,128 ล้านบาท (ข้อมูลจริงถึงเดือนมิถุนายน 2552 รวมกับตัวเลขประมาณการถึงสิ้นปีงบประมาณ) ทั้งนี้ เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2552 ที่ยังคงหดตัวประมาณร้อยละ 3 และความผันผวนของสถานการณ์ด้านราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมทั้งการท่องเที่ยวที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจโลก
1.2 ภาพรวมการปรับปรุงงบประมาณทำการปี 2553
รัฐวิสาหกิจทั้งสิ้น จำนวน 54 แห่ง (ไม่รวม ปตท.) ได้ปรับปรุงงบประมาณทำการประจำปี 2553 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2552 โดยภายหลังการปรับปรุงแล้วคาดว่าจะมีรายได้รวม จำนวน 1,380,274 ล้านบาท รายจ่ายรวม จำนวน 1,318,609 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ จำนวน 61,665 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 0.8 จากเดิมที่ประมาณว่าจะมีกำไรสุทธิ 62,145 ล้านบาท
- การปรับปรุงงบประมาณทำการดังกล่าว มีรัฐวิสาหกิจที่ยืนยันตามเป้าหมายเดิม 31 แห่งและปรับปรุง 24 แห่ง โดยรัฐวิสาหกิจที่มีการปรับปรุงที่สำคัญได้แก่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นรัฐวิสาหกิจที่ใช้รอบปีบัญชีปฏิทิน ซึ่งมีช่วงระยะเวลาในการจัดทำงบประมาณทำการประจำปี 2553 ตั้งแต่ ต้นปีงบประมาณ 2552 ดังนั้น จึงปรับปรุงข้อมูลปีงบประมาณ 2552 ให้เป็นปัจจุบัน รวมทั้งปรับสมมติฐานที่ใช้ประมาณการงบประมาณทำการปี 2553 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน
1.3 เปรียบเทียบปีงบประมาณ 2552 กับปีงบประมาณ 2553
1.3.1 ภายหลังการปรับปรุงประมาณการงบประมาณทำการประจำปี 2553 ของรัฐวิสาหกิจในภาพรวม ส่งผลให้ผลประกอบการมีกำไรสุทธิ จำนวน 61,665 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 เมื่อเทียวกับปีงบประมาณ 2552 ที่ผลประกอบการเบื้องต้น ณ เดือนธันวาคม 2552 มีกำไรสุทธิ จำนวน 61,010 ล้านบาท
1.3.2 รัฐวิสาหกิจที่คาดว่าผลประกอบการในปี 2553 จะเพิ่มขึ้นจากปี 2552 ที่สำคัญ ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
1.3.3 สำหรับรัฐวิสาหกิจที่คาดว่าผลประกอบการในปี 2553 จะต่ำกว่าปี 2552 ที่สำคัญได้แก่
(1) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) โดยคาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากค่าภาษีมูลค่าเพิ่มกรณีบริษัท AIS หักภาษีสรรพสามิตออกจากส่วนแบ่งรายได้ (ประมาณ 2,948 ล้านบาท) ขณะที่ปี 2552 ไม่มีค่าใช้จ่ายส่วนนี้เนื่องจากคดียังไม่สิ้นสุด และประมาณการรายได้ลดลงร้อยละ 2.6
(2) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายซ่อมแซมเพิ่มขึ้นจากการเลื่อนมาดำเนินการในปี 2553 เช่น การปรับปรุงถนน East — West Main service access road เป็นต้น อย่างไรก็ตาม รายได้จากกิจกรรมหลัก โดยเฉพาะค่าธรรมเนียมสนามบิน คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 24
(3) การเคหะแห่งชาติได้รับเงินชดเชยตามมาตรการแก้ไขปัญหาโครงการบ้าน เอื้ออาทร ตามมติครม. เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2552 ต่ำกว่าปี 2552 โดยปี 2553 ได้รับเงินอุดหนุน จำนวน 598 ล้านบาท ขณะที่ปี 2552 ได้รับเงินอุดหนุน จำนวน 3,587 ล้านบาท
(4) โรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง ประมาณการค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายดำเนินงาน
1.4 สรุปผลการปรับปรุงงบประมาณทำการประจำปี 2553 ของรัฐวิสาหกิจ
ผลจากการปรับปรุงงบประมาณทำการประจำปี 2553 และ 2552 ทำให้ผลประกอบการของรัฐวิสาหกิจในภาพรวมปี 2553 เมื่อเทียบกับปี 2552 ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 โดยมีประมาณการรายได้รวม จำนวน 1,380,274 ล้านบาท รายจ่ายรวม จำนวน 1,318,609 ล้านบาท และกำไรสุทธิ จำนวน 61,665 ล้านบาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2553--จบ--