คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานความก้าวหน้าตามโครงการ Contract Farming ภายใต้กรอบ ACMECS ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอดังนี้
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินการโครงการการเกษตรแบบมีสัญญา (Contract Farming) ภายใต้กรอบ Ayeyawady — Chao Phraya — Mekong Economic Cooperation Strategy (ACMECS) โดยได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภายในประเทศ และในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ ลาว พม่า และกัมพูชา รวมทั้งภาคเอกชนไทยที่สนใจ ตั้งแต่ ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน สรุปความก้าวหน้าตามโครงการดังกล่าวดังต่อไปนี้
ผลการดำเนินงานภายในประเทศ
1. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เผยแพร่ประชาสัมพันธ์โครงการแก่ผู้สนใจทั่วไป ประชุมซักซ้อมความเข้าใจระหว่างหน่วยราชการจากกระทรวงต่าง ๆ รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงพลังงาน และภาคเอกชน ฯลฯ จำนวน 12 ครั้ง โดยในจำนวนนี้ เป็นการจัดสัมมนาในจังหวัดชายแดน รวม 5 ครั้ง ซึ่งมีบริษัทหรือนิติบุคคลที่ค้าขายเข้าร่วม 122 ราย การดำเนินงานดังกล่าว มีวัตถุประสงค์ในการผนึกกำลังจากทุกภาคส่วน เพื่อลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน นำผลผลิตทางการเกษตรมาป้อนโรงงานอุตสาหกรรมภายในประเทศ และส่งเสริมพัฒนาความเป็นอยู่ของเกษตรกรในประเทศเพื่อนบ้านให้สูงขึ้น
สำหรับขั้นตอนในการดำเนินงาน Contract Farming ได้กำหนดไว้ดังนี้
1) เชิญชวนผู้สนใจที่จะลงทุนให้เข้าร่วมโครงการ
2) สร้าง network ระหว่างผู้ลงทุนกับหน่วยงานของรัฐทั้งภายในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน
3) สำรวจภาคสนามและศึกษาความเหมาะสม
4) จัดทำโครงการเพื่อการลงทุน
5) จัดหาสินเชื่อ ประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่ออนุมัติโครงการ
6) ดำเนินการตามโครงการ
2. ได้จัดรวบรวมข้อมูลด้านการเกษตรเป็นรายประเทศ เพื่อใช้ในการวางแผน และแจกจ่ายให้บริษัทหรือนิติบุคคลที่สนใจจะลงทุนด้าน Contract Farming ซึ่งมีกว่า 162 แห่ง และได้กำหนดพื้นที่เป้าหมายตามความเหมาะสมของดินและพืชที่จะส่งเสริม ประกอบด้วยพืชพลังงาน ได้แก่ ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง อ้อย และพืชไร่ ได้แก่ ถั่วเหลือง ซึ่งไทยต้องการเป็นจำนวนมาก และไม่สามารถผลิตได้เพียงพอ ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านได้เปรียบเชิงแข่งขัน (competitive advantage)
3. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ประสานงานให้ภาคเอกชน ติดต่อกับกระทรวงต่าง ๆ และธนาคารส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย SME Bank เกี่ยวกับสินเชื่อ และมอบหมายผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเกษตรแก่ภาคเอกชนอีกด้วย ทั้งนี้ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยได้อนุมัติวงเงินสินเชื่อให้แก่นักลงทุนที่สนใจลงทุนภายใต้โครงการ Contract Farming ในประเทศเพื่อนบ้านแล้ว
ผลการดำเนินงานในประเทศเพื่อนบ้าน
1. . กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ปประชุมหารือร่วมกับกระทรวงด้านการเกษตรของประเทศเพื่อนบ้าน รวม 5 ครั้ง มีวัตถุประสงค์ที่จะรับทราบแนวทางการส่งเสริมการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน สิทธิการใช้ประโยชน์ในที่ดิน สิทธิพิเศษและเงื่อนไขต่าง ๆ การจัดแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบระหว่างฝ่ายไทยและประเทศเพื่อนบ้านในด้าน Contract Farming ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าว มีผลทำให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สามารถบรรลุข้อตกลงในรูปของบันทึกการเจรจา (Record of Discussion) กับกระทรวงเกษตรและชลประทานของพม่าได้ เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2548 โดยมีสาระสำคัญโดยย่อว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะทำหน้าที่ฝึกอบรมและส่งเสริมด้านการเกษตร จัดหาเมล็ดพันธุ์พืช แลกเปลี่ยนนักวิชาการ ส่วนกระทรวงเกษตรและชลประทานของพม่า มีหน้าที่จัดหาที่ดิน ถ่ายทอดเทคโนโลยี รวบรวมเกษตรกร รวมทั้งประสานงานด้านการส่งเสริมการลงทุน นอกจากนี้ มีการระบุพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการเกษตร แต่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ รวม 42.82 ล้านไร่ ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการดำเนินงานภายใต้โครงการ Contract Farming ได้
2. ได้มีการสำรวจภาคสนามในประเทศเพื่อนบ้านร่วมกับภาคเอกชน 24 ราย รวม 6 ครั้ง ได้จัดส่งผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการด้านปาล์มน้ำมัน อ้อย และถั่วเหลือง เดินทางร่วมกับบริษัทที่ลงทุนด้าน Contract Farming เพื่อให้คำปรึกษาด้านการเกษตรอีกด้วย
3. ในขณะนี้ มีบริษัทที่เข้าลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเริ่มทำการเพาะปลูกพืชพลังงานและถั่วเหลือง รวม 14 บริษัท มีเนื้อที่ที่ได้รับสัมปทานประมาณ 1.12 ล้านไร่ โดยแยกเป็นพื้นที่ในลาว 0.24 ล้านไร่ พม่า 0.75 ล้านไร่ และกัมพูชา 0.13 ล้านไร่ นอกจากนี้ ยังมีบริษัทหรือนิติบุคคลอีกหลายแห่งที่อยู่ในระหว่างการประสานงานด้านรายละเอียดข้อมูล อุปสรรคส่วนใหญ่เป็นปัญหาด้านการปฏิบัติ เช่น เส้นทางคมนาคมไม่สะดวก เกษตรกรในประเทศเพื่อนบ้านยังไม่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะได้ประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 12 กันยายน 2549--จบ--
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินการโครงการการเกษตรแบบมีสัญญา (Contract Farming) ภายใต้กรอบ Ayeyawady — Chao Phraya — Mekong Economic Cooperation Strategy (ACMECS) โดยได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภายในประเทศ และในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ ลาว พม่า และกัมพูชา รวมทั้งภาคเอกชนไทยที่สนใจ ตั้งแต่ ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน สรุปความก้าวหน้าตามโครงการดังกล่าวดังต่อไปนี้
ผลการดำเนินงานภายในประเทศ
1. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เผยแพร่ประชาสัมพันธ์โครงการแก่ผู้สนใจทั่วไป ประชุมซักซ้อมความเข้าใจระหว่างหน่วยราชการจากกระทรวงต่าง ๆ รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงพลังงาน และภาคเอกชน ฯลฯ จำนวน 12 ครั้ง โดยในจำนวนนี้ เป็นการจัดสัมมนาในจังหวัดชายแดน รวม 5 ครั้ง ซึ่งมีบริษัทหรือนิติบุคคลที่ค้าขายเข้าร่วม 122 ราย การดำเนินงานดังกล่าว มีวัตถุประสงค์ในการผนึกกำลังจากทุกภาคส่วน เพื่อลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน นำผลผลิตทางการเกษตรมาป้อนโรงงานอุตสาหกรรมภายในประเทศ และส่งเสริมพัฒนาความเป็นอยู่ของเกษตรกรในประเทศเพื่อนบ้านให้สูงขึ้น
สำหรับขั้นตอนในการดำเนินงาน Contract Farming ได้กำหนดไว้ดังนี้
1) เชิญชวนผู้สนใจที่จะลงทุนให้เข้าร่วมโครงการ
2) สร้าง network ระหว่างผู้ลงทุนกับหน่วยงานของรัฐทั้งภายในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน
3) สำรวจภาคสนามและศึกษาความเหมาะสม
4) จัดทำโครงการเพื่อการลงทุน
5) จัดหาสินเชื่อ ประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่ออนุมัติโครงการ
6) ดำเนินการตามโครงการ
2. ได้จัดรวบรวมข้อมูลด้านการเกษตรเป็นรายประเทศ เพื่อใช้ในการวางแผน และแจกจ่ายให้บริษัทหรือนิติบุคคลที่สนใจจะลงทุนด้าน Contract Farming ซึ่งมีกว่า 162 แห่ง และได้กำหนดพื้นที่เป้าหมายตามความเหมาะสมของดินและพืชที่จะส่งเสริม ประกอบด้วยพืชพลังงาน ได้แก่ ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง อ้อย และพืชไร่ ได้แก่ ถั่วเหลือง ซึ่งไทยต้องการเป็นจำนวนมาก และไม่สามารถผลิตได้เพียงพอ ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านได้เปรียบเชิงแข่งขัน (competitive advantage)
3. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ประสานงานให้ภาคเอกชน ติดต่อกับกระทรวงต่าง ๆ และธนาคารส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย SME Bank เกี่ยวกับสินเชื่อ และมอบหมายผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเกษตรแก่ภาคเอกชนอีกด้วย ทั้งนี้ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยได้อนุมัติวงเงินสินเชื่อให้แก่นักลงทุนที่สนใจลงทุนภายใต้โครงการ Contract Farming ในประเทศเพื่อนบ้านแล้ว
ผลการดำเนินงานในประเทศเพื่อนบ้าน
1. . กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ปประชุมหารือร่วมกับกระทรวงด้านการเกษตรของประเทศเพื่อนบ้าน รวม 5 ครั้ง มีวัตถุประสงค์ที่จะรับทราบแนวทางการส่งเสริมการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน สิทธิการใช้ประโยชน์ในที่ดิน สิทธิพิเศษและเงื่อนไขต่าง ๆ การจัดแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบระหว่างฝ่ายไทยและประเทศเพื่อนบ้านในด้าน Contract Farming ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าว มีผลทำให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สามารถบรรลุข้อตกลงในรูปของบันทึกการเจรจา (Record of Discussion) กับกระทรวงเกษตรและชลประทานของพม่าได้ เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2548 โดยมีสาระสำคัญโดยย่อว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะทำหน้าที่ฝึกอบรมและส่งเสริมด้านการเกษตร จัดหาเมล็ดพันธุ์พืช แลกเปลี่ยนนักวิชาการ ส่วนกระทรวงเกษตรและชลประทานของพม่า มีหน้าที่จัดหาที่ดิน ถ่ายทอดเทคโนโลยี รวบรวมเกษตรกร รวมทั้งประสานงานด้านการส่งเสริมการลงทุน นอกจากนี้ มีการระบุพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการเกษตร แต่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ รวม 42.82 ล้านไร่ ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการดำเนินงานภายใต้โครงการ Contract Farming ได้
2. ได้มีการสำรวจภาคสนามในประเทศเพื่อนบ้านร่วมกับภาคเอกชน 24 ราย รวม 6 ครั้ง ได้จัดส่งผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการด้านปาล์มน้ำมัน อ้อย และถั่วเหลือง เดินทางร่วมกับบริษัทที่ลงทุนด้าน Contract Farming เพื่อให้คำปรึกษาด้านการเกษตรอีกด้วย
3. ในขณะนี้ มีบริษัทที่เข้าลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเริ่มทำการเพาะปลูกพืชพลังงานและถั่วเหลือง รวม 14 บริษัท มีเนื้อที่ที่ได้รับสัมปทานประมาณ 1.12 ล้านไร่ โดยแยกเป็นพื้นที่ในลาว 0.24 ล้านไร่ พม่า 0.75 ล้านไร่ และกัมพูชา 0.13 ล้านไร่ นอกจากนี้ ยังมีบริษัทหรือนิติบุคคลอีกหลายแห่งที่อยู่ในระหว่างการประสานงานด้านรายละเอียดข้อมูล อุปสรรคส่วนใหญ่เป็นปัญหาด้านการปฏิบัติ เช่น เส้นทางคมนาคมไม่สะดวก เกษตรกรในประเทศเพื่อนบ้านยังไม่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะได้ประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 12 กันยายน 2549--จบ--