เรื่อง ขออนุมัติทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2546 เรื่อง การชำระคืนหนี้เงินกู้ค่าออกแบบ
ค่าก่อสร้างและค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล
ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเรื่อง การขออนุมัติทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2546 เรื่อง การชำระคืนหนี้เงินกู้ค่าออกแบบ ค่าก่อสร้างและค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ แล้วมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2546 เรื่อง การชำระคืนหนี้เงินกู้ค่าออกแบบ ค่าก่อสร้าง และค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จากเดิมที่กำหนด “ให้รัฐบาลรับภาระจ่ายชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยของเงินกู้ดังกล่าว ในช่วงระยะเวลา 3 ปีแรกที่เปิดบริการเดินรถ (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547-2549) ก่อน สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยดังกล่าว (ในส่วนที่ รฟม. มีรายได้ไม่เพียงพอจ่ายชำระคืนฯ) ให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ” เป็น “ให้รัฐบาลรับภาระชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยของเงินกู้ค่าออกแบบ ค่าก่อสร้างและค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคลเป็นรายปีไปก่อนต่อไปอีก 5 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550-2554 โดยให้ รฟม. ถือเป็นหลักการว่าภาระค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นการเพิ่มทุนของรัฐบาล”
2. ให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณให้แก่ รฟม. เพื่อชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยเงินกู้ดังกล่าวเป็นรายปี หรือจนกระทั่งมีการโอนภาระการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยเงินกู้ดังกล่าวออกจาก รฟม. ตามแผนการจัดการหนี้ระยะยาว และหากยังมีความจำเป็นที่จะต้องขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลก็ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการ ดังนี้
1. ในปัจจุบัน รฟม. ประสบปัญหาขาดทุนเฉลี่ยปีละ 3,055 ล้านบาท เนื่องจากรายได้หลักจากส่วนแบ่งค่าโดยสารตามสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ในช่วง 14 ปีแรก มีส่วนแบ่งเพียงร้อยละ 1 ของรายได้ค่าโดยสารรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ประกอบกับปริมาณผู้โดยสาร (Ridership) เฉลี่ยในปี 2548 ประมาณ 163,403 คน/วัน ซึ่งต่ำกว่าที่ศึกษาไว้ที่ 404,880 คน/วัน ทำให้ รฟม. มีผลประกอบการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการในปี 2547 และส่งผลให้ในระยะเริ่มต้น รฟม. ไม่มีขีดความสามารถในการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากการก่อสร้างของโครงการได้ ดังนั้น จึงสมควรที่จะขยายระยะเวลารับภาระเงินต้นและดอกเบี้ยของโครงการต่อไปอีก 5 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2550 - 2554 ทั้งนี้ หาก รฟม. มีแผนการเพิ่มรายได้ที่ชัดเจนก็อาจพิจารณาลดระยะเวลาที่รัฐบาลต้องรับภาระลงได้ โดยให้นับภาระค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นการเพิ่มทุนของรัฐบาล
2. รฟม. ควรพิจารณาหาแนวทางเพิ่มรายได้โดยในระยะสั้น รฟม.ควรเร่งดำเนินการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ในบริเวณที่สามารถดำเนินธุรกิจได้ ให้เป็นรูปธรรมโดยคำนึงถึงความสะดวกและปลอดภัยของผู้ใช้บริการเป็นหลัก รวมทั้งเร่งดำเนินการบริการความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินตราต่างประเทศ ด้วยเครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสมโดยเร็ว ตลอดจนปรับแผนธุรกิจให้มีความชัดเจน เพื่อให้ รฟม. มีรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นและลดภาระการพึ่งพา การอุดหนุนจากภาครัฐในระยะยาว
3. นอกจากนี้ รฟม. ควรเร่งเตรียมการพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้าขนส่งมสลชนให้ครอบคลุมพื้นที่บริเวณกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลตามนโยบายรัฐบาลที่จะพัฒนาโครงข่ายขนส่งระบบมวลชนระบบรางให้ครอบคลุมพื้นที่บริเวณกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้ง การพัฒนาระบบตั๋วร่วมกับระบบรถโดยสารประจำทาง ขสมก. และระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTS) เพื่อสร้างรายได้และอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสาร โดยให้ความสำคัญกับการเร่งรัดพิจารณาใช้ระบบตั๋ว ร่วมกับระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTS) ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการและจูงใจให้มีผู้ใช้บริการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนมากขึ้นโดยเร็วต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 30 พฤษภาคม 2549--จบ--
ค่าก่อสร้างและค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล
ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเรื่อง การขออนุมัติทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2546 เรื่อง การชำระคืนหนี้เงินกู้ค่าออกแบบ ค่าก่อสร้างและค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ แล้วมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2546 เรื่อง การชำระคืนหนี้เงินกู้ค่าออกแบบ ค่าก่อสร้าง และค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จากเดิมที่กำหนด “ให้รัฐบาลรับภาระจ่ายชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยของเงินกู้ดังกล่าว ในช่วงระยะเวลา 3 ปีแรกที่เปิดบริการเดินรถ (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547-2549) ก่อน สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยดังกล่าว (ในส่วนที่ รฟม. มีรายได้ไม่เพียงพอจ่ายชำระคืนฯ) ให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ” เป็น “ให้รัฐบาลรับภาระชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยของเงินกู้ค่าออกแบบ ค่าก่อสร้างและค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคลเป็นรายปีไปก่อนต่อไปอีก 5 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550-2554 โดยให้ รฟม. ถือเป็นหลักการว่าภาระค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นการเพิ่มทุนของรัฐบาล”
2. ให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณให้แก่ รฟม. เพื่อชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยเงินกู้ดังกล่าวเป็นรายปี หรือจนกระทั่งมีการโอนภาระการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยเงินกู้ดังกล่าวออกจาก รฟม. ตามแผนการจัดการหนี้ระยะยาว และหากยังมีความจำเป็นที่จะต้องขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลก็ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการ ดังนี้
1. ในปัจจุบัน รฟม. ประสบปัญหาขาดทุนเฉลี่ยปีละ 3,055 ล้านบาท เนื่องจากรายได้หลักจากส่วนแบ่งค่าโดยสารตามสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ในช่วง 14 ปีแรก มีส่วนแบ่งเพียงร้อยละ 1 ของรายได้ค่าโดยสารรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ประกอบกับปริมาณผู้โดยสาร (Ridership) เฉลี่ยในปี 2548 ประมาณ 163,403 คน/วัน ซึ่งต่ำกว่าที่ศึกษาไว้ที่ 404,880 คน/วัน ทำให้ รฟม. มีผลประกอบการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการในปี 2547 และส่งผลให้ในระยะเริ่มต้น รฟม. ไม่มีขีดความสามารถในการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากการก่อสร้างของโครงการได้ ดังนั้น จึงสมควรที่จะขยายระยะเวลารับภาระเงินต้นและดอกเบี้ยของโครงการต่อไปอีก 5 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2550 - 2554 ทั้งนี้ หาก รฟม. มีแผนการเพิ่มรายได้ที่ชัดเจนก็อาจพิจารณาลดระยะเวลาที่รัฐบาลต้องรับภาระลงได้ โดยให้นับภาระค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นการเพิ่มทุนของรัฐบาล
2. รฟม. ควรพิจารณาหาแนวทางเพิ่มรายได้โดยในระยะสั้น รฟม.ควรเร่งดำเนินการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ในบริเวณที่สามารถดำเนินธุรกิจได้ ให้เป็นรูปธรรมโดยคำนึงถึงความสะดวกและปลอดภัยของผู้ใช้บริการเป็นหลัก รวมทั้งเร่งดำเนินการบริการความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินตราต่างประเทศ ด้วยเครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสมโดยเร็ว ตลอดจนปรับแผนธุรกิจให้มีความชัดเจน เพื่อให้ รฟม. มีรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นและลดภาระการพึ่งพา การอุดหนุนจากภาครัฐในระยะยาว
3. นอกจากนี้ รฟม. ควรเร่งเตรียมการพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้าขนส่งมสลชนให้ครอบคลุมพื้นที่บริเวณกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลตามนโยบายรัฐบาลที่จะพัฒนาโครงข่ายขนส่งระบบมวลชนระบบรางให้ครอบคลุมพื้นที่บริเวณกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้ง การพัฒนาระบบตั๋วร่วมกับระบบรถโดยสารประจำทาง ขสมก. และระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTS) เพื่อสร้างรายได้และอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสาร โดยให้ความสำคัญกับการเร่งรัดพิจารณาใช้ระบบตั๋ว ร่วมกับระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTS) ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการและจูงใจให้มีผู้ใช้บริการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนมากขึ้นโดยเร็วต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 30 พฤษภาคม 2549--จบ--